คุณกำลังมองหาอะไร?

ข่า

ข่าวแจก "สธ. หวั่นโรคจากลมหนาวซ้ำเติมผู้ประสบอุทกภัย แนะล้างมือทุกครั้งหลังสัมผัสสิ่งสกปรก"

กรมอนามัย พร้อมให้ข้อมูลข่าวสารที่มีประโยชน์สำหรับคุณ

14.11.2554
0
0
แชร์
14
พฤศจิกายน
2554

ข่าวแจก "สธ. หวั่นโรคจากลมหนาวซ้ำเติมผู้ประสบอุทกภัย แนะล้างมือทุกครั้งหลังสัมผัสสิ่งสกปรก"

กระทรวงสาธารณสุข ลงพื้นที่เยี่ยมผู้ประสบอุทกภัยซอยวิภาวดีรังสิต(โชคชัยร่วมมิตร) มอบสิ่งของยังชีพ และเวชภัณฑ์ยา หวั่นโรคจากลมหนาวซ้ำเติมผู้ประสบอุทกภัย แนะเดินลุยน้ำทุกครั้ง อย่าลืมเช็ดตัวให้แห้งและเปลี่ยนเสื้อผ้าทันที ย้ำล้างมือบ่อยๆ เพื่อป้องกันโรคที่มาจากลมหนาว และโรคที่มากับน้ำท่วม
วันนี้ (12 พฤศจิกายน 2554) นายต่อพงษ์ ไชยสาส์น รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงสาธารณสุขเปิดเผยว่า จากการกระทรวงสาธารณสุขได้ลงพื้นที่เพื่อมอบสิ่งของช่วยเหลือผู้ประสบอุทกภัย ณ ซอยวิภาวดีรังสิต (โชคชัยร่วมมิตร) กรุงเทพมหานครนั้น ผู้ประสบอุทกภัยบางส่วนยังคงใช้ชีวิตอยู่ในบ้านตามปกติ เนื่องจากยังมีความกังวลในเรื่องของทรัพย์สิน ปัญหาที่พบจึงเป็นเรื่องของการเดินลุยน้ำเข้าออก และยังขาดอาหารและน้ำสะอาด จึงได้สนับสนุนสิ่งของข้าวสาร อาหารแห้ง และเวชภัณฑ์ยา เพื่อใช้ในการช่วยเหลือผู้ประสบอุทกภัย อาทิ ข้าวสาร 100 ถุง น้ำ 500 ขวด น้ำมันพืช 10 ปี๊บ บะหมี่กึ่งสำเร็จรูป 2 ลัง น้ำผลไม้ 2 ลัง ชุดยาสามัญประจำบ้าน 2 ลัง
นายต่อพงษ์ กล่าวต่อไปว่า ช่วงนี้เป็นช่วงเข้าสู่ฤดูหนาวในบางพื้นที่โดยเฉพาะทางภาคเหนือจะมีอุณหภูมิลดลง ส่งผลให้ประชาชนป่วยด้วยโรคที่มาจากหน้าหนาวได้ ถึงแม้ผู้ประสบอุทกภัยส่วนใหญ่ในพื้นที่ภาคกลาง จะหนาวช้ากว่าภาคอื่น ๆ แต่ก็ควรต้องป้องกันตนเองไว้ก่อน เพราะนอกจากผู้ประสบอุทกภัยจะต้องใช้ชีวิตอยู่กับน้ำท่วมขังแล้ว อาจถูกโรคที่มากับหน้าหนาวซ้ำเติม เช่น ไข้ หวัด ไข้หวัดใหญ่ ปอดบวม กระทรวงสาธารณสุขจึงแนะนำให้ดูแลร่างกายของตนเองให้อบอุ่นอยู่เสมอ ไม่สวมเสื้อผ้าที่เปียกชื้น หากต้องเดินลุยน้ำไปทำงาน ควรมีเสื้อผ้าสำรองไปเปลี่ยน และเช็ดตัวให้แห้งทันที เตรียมเสื้อผ้าหนา ๆ เพื่อสวมใส่เมื่อถึงเวลากลางคืน เพราะอากาศจะเย็นลงใน ช่วงกลางคืน แต่หากเป็นหวัดควรใช้ผ้าปิดจมูก หรือปิดปากและจมูกด้วยผ้าหรือกระดาษทิชชูทุกครั้งเวลาไอ หรือจาม เพื่อป้องกันการแพร่กระจายของเชื้อโรค และอย่าลืมล้างมือทุกครั้ง หลังสัมผัสสิ่งของสาธารณะ อาทิ ราวบันได ที่โหนรถเมล์ หรือล้างมือทุกครั้งก่อนรับประทานอาหาร และหลังเข้าห้องส้วม เพื่อป้องกันเชื้อโรคเข้าสู่ร่างกาย
นายต่อพงษ์ กล่าวเพิ่มเติมว่า สำหรับการเฝ้าระวังความปลอดภัยด้านอาหารและน้ำ กระทรวงสาธารณสุขยังคงมอบหมายให้กรมอนามัยดำเนินการเฝ้าระวังมาอย่างต่อเนื่อง ซึ่งจากการสุ่มเก็บตัวอย่างเพื่อตรวจวัดการปนเปื้อนโคลิฟอร์มแบคทีเรีย จากศูนย์อพยพจำนวน 18 ศูนย์ ในพื้นที่ 9 จังหวัด ได้แก่ กรุงเทพมหานคร สมุทรปราการ นนทบุรี สระบุรี ลพบุรี สิงห์บุรี ชัยนาท นครสวรรค์ ชัยภูมิ จากตัวอย่างอาหาร ภาชนะ และมือผู้สัมผัสอาหาร จำนวนอาหาร 334 ตัวอย่าง พบว่ามีการปนเปื้อนโคลิฟอร์มแบคทีเรีย จำนวน 191 ตัวอย่าง คิดเป็นร้อยละ 29.65 สำหรับในน้ำดื่มตรวจวัดการปนเปื้อนโคลิฟอร์มแบคทีเรีย จำนวน 130 ตัวอย่าง พบการปนเปื้อนโคลิฟอร์มแบคทีเรีย จำนวน 58 ตัวอย่าง คิดเป็นร้อยละ 44.62 และจากการสุ่มเก็บตัวอย่างน้ำใช้เพื่อตรวจวัดปริมาณคลอรีนอิสระคงเหลือ จำนวน 64 ตัวอย่าง พบปริมาณคลอรีนอิสระคงเหลือในน้ำจำนวน 44 ตัวอย่าง คิดเป็นร้อยละ 68.75
ทั้งนี้ เชื้อโคลิฟอร์มแบคทีเรียดังกล่าว ยังไม่ใช่เชื้อขั้นรุนแรง แต่หากผู้ประสบอุทกภัยเกิดอาการอุจจาระเหลวหรือถ่ายเป็นน้ำ ปวดท้อง คลื่นไส้ อาเจียน ปวดศีรษะ มีไข้ ปวดเมื่อยตามตัว เบื่ออาหาร ต้องรีบพบแพทย์ที่สถานบริการใกล้บ้านหรือหน่วยแพทย์เคลื่อนที่ทันที สำหรับวิธีป้องกันตนเองเบื้องต้น คือ รับประทานอาหารที่ปรุงสุกและสะอาด ไม่บูด เสีย อาหารกระป๋องไม่ควรรับประทานหากหมดอายุ ลักษณะกระป๋องไม่บวมหรือเป็นสนิม ดื่มน้ำสะอาด เช่น น้ำต้มสุก หรือน้ำขวดบรรจุภัณฑ์ที่ปิดมิดชิด ห้ามถ่ายอุจจาระลงน้ำโดยเด็ดขาด ให้ถ่ายลงถุงดำหรือถุงพลาสติก หากมีปูนขาวควรโรยปูนขาวซักเล็กน้อย มัดปากถุง แล้วแยกไว้ต่างหากเพื่อรอการนำไปกำจัด เพื่อช่วยป้องกันไม่ให้เชื้อโรคแพร่กระจายได้? รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงสาธารณสุข กล่าวในที่สุด
 
                                                         ****
 
                                                                       กลุ่มสื่อสารองค์กร กรมอนามัย / 12 พฤศจิกายน 2554
กระทรวงสาธารณสุข ลงพื้นที่เยี่ยมผู้ประสบอุทกภัยซอยวิภาวดีรังสิต(โชคชัยร่วมมิตร) มอบสิ่งของยังชีพ และเวชภัณฑ์ยา หวั่นโรคจากลมหนาวซ้ำเติมผู้ประสบอุทกภัย แนะเดินลุยน้ำทุกครั้ง อย่าลืมเช็ดตัวให้แห้งและเปลี่ยนเสื้อผ้าทันที ย้ำล้างมือบ่อยๆ เพื่อป้องกันโรคที่มาจากลมหนาว และโรคที่มากับน้ำท่วม วันนี้ (12 พฤศจิกายน 2554) นายต่อพงษ์ ไชยสาส์น รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงสาธารณสุขเปิดเผยว่า จากการกระทรวงสาธารณสุขได้ลงพื้นที่เพื่อมอบสิ่งของช่วยเหลือผู้ประสบอุทกภัย ณ ซอยวิภาวดีรังสิต (โชคชัยร่วมมิตร) กรุงเทพมหานครนั้น ผู้ประสบอุทกภัยบางส่วนยังคงใช้ชีวิตอยู่ในบ้านตามปกติ เนื่องจากยังมีความกังวลในเรื่องของทรัพย์สิน ปัญหาที่พบจึงเป็นเรื่องของการเดินลุยน้ำเข้าออก และยังขาดอาหารและน้ำสะอาด จึงได้สนับสนุนสิ่งของข้าวสาร อาหารแห้ง และเวชภัณฑ์ยา เพื่อใช้ในการช่วยเหลือผู้ประสบอุทกภัย อาทิ ข้าวสาร 100 ถุง น้ำ 500 ขวด น้ำมันพืช 10 ปี๊บ บะหมี่กึ่งสำเร็จรูป 2 ลัง น้ำผลไม้ 2 ลัง ชุดยาสามัญประจำบ้าน 2 ลัง นายต่อพงษ์ กล่าวต่อไปว่า ช่วงนี้เป็นช่วงเข้าสู่ฤดูหนาวในบางพื้นที่โดยเฉพาะทางภาคเหนือจะมีอุณหภูมิลดลง ส่งผลให้ประชาชนป่วยด้วยโรคที่มาจากหน้าหนาวได้ ถึงแม้ผู้ประสบอุทกภัยส่วนใหญ่ในพื้นที่ภาคกลาง จะหนาวช้ากว่าภาคอื่น ๆ แต่ก็ควรต้องป้องกันตนเองไว้ก่อน เพราะนอกจากผู้ประสบอุทกภัยจะต้องใช้ชีวิตอยู่กับน้ำท่วมขังแล้ว อาจถูกโรคที่มากับหน้าหนาวซ้ำเติม เช่น ไข้ หวัด ไข้หวัดใหญ่ ปอดบวม กระทรวงสาธารณสุขจึงแนะนำให้ดูแลร่างกายของตนเองให้อบอุ่นอยู่เสมอ ไม่สวมเสื้อผ้าที่เปียกชื้น หากต้องเดินลุยน้ำไปทำงาน ควรมีเสื้อผ้าสำรองไปเปลี่ยน และเช็ดตัวให้แห้งทันที เตรียมเสื้อผ้าหนา ๆ เพื่อสวมใส่เมื่อถึงเวลากลางคืน เพราะอากาศจะเย็นลงใน ช่วงกลางคืน แต่หากเป็นหวัดควรใช้ผ้าปิดจมูก หรือปิดปากและจมูกด้วยผ้าหรือกระดาษทิชชูทุกครั้งเวลาไอ หรือจาม เพื่อป้องกันการแพร่กระจายของเชื้อโรค และอย่าลืมล้างมือทุกครั้ง หลังสัมผัสสิ่งของสาธารณะ อาทิ ราวบันได ที่โหนรถเมล์ หรือล้างมือทุกครั้งก่อนรับประทานอาหาร และหลังเข้าห้องส้วม เพื่อป้องกันเชื้อโรคเข้าสู่ร่างกาย นายต่อพงษ์ กล่าวเพิ่มเติมว่า สำหรับการเฝ้าระวังความปลอดภัยด้านอาหารและน้ำ กระทรวงสาธารณสุขยังคงมอบหมายให้กรมอนามัยดำเนินการเฝ้าระวังมาอย่างต่อเนื่อง ซึ่งจากการสุ่มเก็บตัวอย่างเพื่อตรวจวัดการปนเปื้อนโคลิฟอร์มแบคทีเรีย จากศูนย์อพยพจำนวน 18 ศูนย์ ในพื้นที่ 9 จังหวัด ได้แก่ กรุงเทพมหานคร สมุทรปราการ นนทบุรี สระบุรี ลพบุรี สิงห์บุรี ชัยนาท นครสวรรค์ ชัยภูมิ จากตัวอย่างอาหาร ภาชนะ และมือผู้สัมผัสอาหาร จำนวนอาหาร 334 ตัวอย่าง พบว่ามีการปนเปื้อนโคลิฟอร์มแบคทีเรีย จำนวน 191 ตัวอย่าง คิดเป็นร้อยละ 29.65 สำหรับในน้ำดื่มตรวจวัดการปนเปื้อนโคลิฟอร์มแบคทีเรีย จำนวน 130 ตัวอย่าง พบการปนเปื้อนโคลิฟอร์มแบคทีเรีย จำนวน 58 ตัวอย่าง คิดเป็นร้อยละ 44.62 และจากการสุ่มเก็บตัวอย่างน้ำใช้เพื่อตรวจวัดปริมาณคลอรีนอิสระคงเหลือ จำนวน 64 ตัวอย่าง พบปริมาณคลอรีนอิสระคงเหลือในน้ำจำนวน 44 ตัวอย่าง คิดเป็นร้อยละ 68.75 \\ทั้งนี้ เชื้อโคลิฟอร์มแบคทีเรียดังกล่าว ยังไม่ใช่เชื้อขั้นรุนแรง แต่หากผู้ประสบอุทกภัยเกิดอาการอุจจาระเหลวหรือถ่ายเป็นน้ำ ปวดท้อง คลื่นไส้ อาเจียน ปวดศีรษะ มีไข้ ปวดเมื่อยตามตัว เบื่ออาหาร ต้องรีบพบแพทย์ที่สถานบริการใกล้บ้านหรือหน่วยแพทย์เคลื่อนที่ทันที สำหรับวิธีป้องกันตนเองเบื้องต้น คือ รับประทานอาหารที่ปรุงสุกและสะอาด ไม่บูด เสีย อาหารกระป๋องไม่ควรรับประทานหากหมดอายุ ลักษณะกระป๋องไม่บวมหรือเป็นสนิม ดื่มน้ำสะอาด เช่น น้ำต้มสุก หรือน้ำขวดบรรจุภัณฑ์ที่ปิดมิดชิด ห้ามถ่ายอุจจาระลงน้ำโดยเด็ดขาด ให้ถ่ายลงถุงดำหรือถุงพลาสติก หากมีปูนขาวควรโรยปูนขาวซักเล็กน้อย มัดปากถุง แล้วแยกไว้ต่างหากเพื่อรอการนำไปกำจัด เพื่อช่วยป้องกันไม่ให้เชื้อโรคแพร่กระจายได้ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงสาธารณสุข กล่าวในที่สุด **** กลุ่มสื่อสารองค์กร กรมอนามัย / 12 พฤศจิกายน 2554

กรมอนามัย
เรามีสาระสุขภาพดีๆ
ส่งตรงถึงคุณ
ทุกวัน