กรมอนามัย พร้อมให้ข้อมูลข่าวสารที่มีประโยชน์สำหรับคุณ
กรมอนามัย ชวนประชาชนรณรงค์ ลอยกระทงรักษ์โลก แนะ 5 วิธี ลอยกระทงรักษ์โลก แบบไม่ทำลายสิ่งแวดล้อม เพื่อสร้างสิ่งแวดล้อมที่ดี เตือน งดเล่นพลุ ประทัด หรือดอกไม้เพลิง เพื่อป้องกันการบาดเจ็บ หรือเกิดไฟไหม้อาคารบ้านเรือน
นายแพทย์ธิติ แสวงธรรม รองอธิบดีกรมอนามัย กล่าวว่า หลังวันลอยกระทงสิ่งที่กระทบต่อสิ่งแวดล้อม คือ ซากกระทงจำนวนมาก จากสถิติของสำนักสิ่งแวดล้อม กรุงเทพมหานคร พบว่า ปริมาณกระทงที่เก็บได้ในปี 2566 เฉพาะในกรุงเทพมหานคร รวมทั้งหมด 639,828 ใบ แบ่งเป็นกระทงจากวัสดุธรรมชาติ เช่น ต้นกล้วย ใบตอง จำนวน 618,951 ใบ หรือร้อยละ 96.7 และกระทงจากโฟม จำนวน 20,877 ใบ หรือร้อยละ 3.2 ซึ่งสัดส่วนของกระทงโฟมลดลงจากปีที่ผ่านมา จากการรณรงค์ให้ประชาชนใส่ใจสิ่งแวดล้อมมากขึ้น แต่สุดท้ายกระทงที่ถูกนำมาลอยจะถูกเก็บเพื่อนำไปกำจัด โดยกรุงเทพมหานคร หรือ หน่วยงานท้องถิ่น ซึ่งจะต้องใช้งบประมาณจำนวนมาก รวมถึงกระทงขนมปังที่นำมาลอย เพื่อเป็นอาหารปลา หากมีจำนวนมากเกินไปจะทำให้น้ำเน่าเสียได้ ส่วนกระทงที่ทำจากโฟม เป็นวัสดุที่ย่อยสลายยากในธรรมชาติ หลายคนเชื่อว่าสะดวกดี ลอยน้ำได้ง่าย แต่อาจไปอุดตันตามท่อ กีดขวางทางน้ำ เป็นขยะที่มีสารพิษและมีส่วนทำให้โลกร้อน
นายแพทย์ธิติ กล่าวต่อไปว่า จากผลสำรวจอนามัยโพลของกรมอนามัย ปี 2566 ผู้ตอบแบบสำรวจ 473 คน พบว่า ประชาชนร้อยละ 85.8 มีแผนจะไปลอยกระทง โดยร้อยละ 39.7 เลือกใช้กระทงที่ทำจากวัสดุย่อยสลายได้ เช่น ใบตอง กาบกล้วย ใบไม้ ดอกไม้ ในขณะที่ร้อยละ 24.3 เลือกใช้การลอยกระทงออนไลน์ และร้อยละ 18.6 ลอยกระทง 1 ใบต่อ 1 ครอบครัว ดังนั้น เทศกาลลอยกระทงในปีนี้ กรมอนามัยจึงเชิญชวนให้ประชาชนลอยกระทงรักษ์โลกแบบไม่ทำลายสิ่งแวดล้อมด้วย 5 วิธี คือ 1) เลือกใช้วัสดุธรรมชาติ ไม่มีสารก่อมลพิษต่อแหล่งน้ำ เช่น ทำจากต้นกล้วย หยวกกล้วย ใบตอง 2) เลือกใช้วัสดุย่อยสลายได้ไว มีความสร้างสรรค์ เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม เช่น กระทงน้ำแข็งกระทงโคนไอศกรีม 3) เลือกกระทงขนาดเล็กใช้วัสดุน้อย ช่วยลดปริมาณขยะ 4) ลอยกระทงร่วมกัน เป็นการสานสัมพันธ์ที่ดี ช่วยลดขยะและประหยัดค่าใช้จ่าย และ 5) ลอยกระทงออนไลน์ เป็นอีกทางเลือกหนึ่ง ทั้งสะดวกปลอดภัย และลดปริมาณขยะแบบแท้จริง
“ทั้งนี้ การท่องเที่ยวช่วงเทศกาลลอยกระทงที่มีคนจำนวนมาก ส่งผลให้พื้นที่คับแคบหรือแออัดมากเกินไป ควรระวังภาวะอับอากาศ ทำให้ขาดอากาศหายใจและอาจเสียชีวิตได้ แนะนำให้หลีกเลี่ยงพื้นที่ที่มีคนจำนวนมากรวมถึงอันตรายจากการเล่นพลุ ดอกไม้ไฟ ขอให้ผู้ปกครองดูแลบุตรหลานอย่างใกล้ชิด ห้ามเล่นพลุ ประทัด หรือดอกไม้ไฟโดยลำพัง เพราะหากเล่นอย่างไม่ระมัดระวังอาจจะเกิดเหตุการณ์ระเบิดใส่มือจนได้รับการบาดเจ็บได้ รวมทั้ง ยังอาจก่อให้เกิดอันตรายแก่ผู้ที่อยู่ใกล้เคียงอีกด้วย สำหรับผู้ประกอบการที่เร่งกระบวนการผลิตพลุและดอกไม้ไฟให้ทันในช่วงเทศกาลลอยกระทง อาจเกิดอุบัติเหตุทำให้เกิดไฟไหม้หรือระเบิดเป็นอันตรายแก่ชีวิตของตนเองและประชาชนโดยรอบได้ ดังนั้น กรมอนามัย จึงขอให้เจ้าหน้าที่ของรัฐ เจ้าหน้าที่ท้องถิ่น สำรวจ ตรวจตรา ควบคุม กำกับให้สถานประกอบกิจการผลิตดอกไม้ไฟทุกแห่งในพื้นที่ปฏิบัติตามกฎหมายที่เกี่ยวข้องอย่างเคร่งครัด เพื่อให้ผู้ประกอบการประกอบกิจการได้อย่างถูกต้อง และมีกระบวนการผลิตถูกสุขลักษณะ ปลอดภัย เช่น มีอุปกรณ์ดับเพลิงประจำสถานประกอบการ
มีป้ายเตือนห้ามสูบบุหรี่ในพื้นที่ปฏิบัติงาน การจัดเก็บวัตถุดิบในการผลิตที่ปลอดภัยไม่มีความร้อนและประกายไฟ เป็นต้น เพื่อลดความเสี่ยงการเกิดเพลิงไหม้ หรือประกายไฟ” รองอธิบดีกรมอนามัย กล่าว
***
กรมอนามัย / 14 พฤศจิกายน 2567