กรมอนามัย พร้อมให้ข้อมูลข่าวสารที่มีประโยชน์สำหรับคุณ
วันนี้ (20 ตุลาคม 2566) นายสันติ พร้อมพัฒน์ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงสาธารณสุข เป็นประธานเปิดงานรณรงค์ “คนไทยฟันดี สดุดีสมเด็จย่า” เนื่องในวันทันตสาธารณสุขแห่งชาติ 2566 โดยมี นายแพทย์พงศธร พอกเพิ่มดี รักษาราชการแทนรองปลัดกระทรวงสาธารณสุข รักษาราชการแทนรองปลัดกระทรวงสาธารณสุข แพทย์หญิงอัจฉรา นิธิอภิญญาสกุล รักษาราชการแทนอธิบดีกรมอนามัย ดร.นายแพทย์สราวุฒิ บุญสุข รองอธิบดีกรมอนามัย ผู้บริหารกระทรวงสาธารณสุข ผู้บริหารกรมอนามัย และเจ้าหน้าที่กรมอนามัยเข้าร่วมงาน ณ กรมอนามัย กระทรวงสาธารณสุข
นายสันติ พร้อมพัฒน์ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงสาธารณสุข เปิดเผยว่า ด้วยความจงรักภักดีของคนไทย ที่มีต่อสมเด็จพระศรีนครินทราบรมราชชนนี หรือสมเด็จย่าของปวงชนชาวไทย มิได้เพียงเพราะทรงเป็นสมเด็จพระราชชนนีของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว 2 รัชกาล และทรงเป็นสมเด็จพระอัยยิกาเจ้าของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวรัชกาลปัจจุบันเท่านั้น แต่เป็นเพราะคนไทยประจักษ์ว่า พระราชกรณียกิจของพระองค์ท่านเป็นประโยชน์ต่อประเทศชาติบ้านเมืองและประชาชน โดยเฉพาะในด้านการแพทย์และสาธารณสุข ภาพในความทรงจำของปวงชนชาวไทย คือ ภาพที่พระองค์เสด็จเยี่ยมราษฎรในพื้นที่ชนบทที่อยู่ห่างไกล พร้อมหน่วยแพทย์อาสาสมเด็จพระศรีนครินทราบรมราชชนนี (หรือหน่วยแพทย์ พอ.สว.) ซึ่งมีทันตแพทย์ให้บริการตรวจและรักษาโรคในช่องปากแก่ประชาชนรวมอยู่ด้วย
“รัฐบาลมีนโยบายดูแลสุขภาพประชาชนทุกกลุ่มวัย ให้คุณภาพชีวิตที่ดี มีความพร้อมในการพัฒนาประเทศ โดยเฉพาะสุขภาพช่องปากและฟัน ซึ่งมีความสำคัญมากในการดำเนินชีวิต หากดูแลรักษาไม่ดีก็จะส่งผลกระทบต่อใช้ชีวิตประจำวันเป็นอย่างมาก ทั้งด้านสุขภาพ และบุคลิกภาพในการเข้าสังคม การสร้างความรู้ ความเข้าใจให้กับประชาชนในการดูแลตนเอง และการจัดบริการด้านทันตกรรมที่ดีมีประสิทธิภาพ เป็นสิ่งที่กระทรวงสาธารณสุขดำเนินการมาโดยตลอด โดยเฉพาะสิทธิประโยชน์สร้างเสริมสุขภาพและป้องกันโรคในช่องปาก ในวันทันตสาธารณสุขแห่งชาติ เพื่อรำลึกถึงพระมหากรุณาธิคุณ และเทิดพระเกียรติสมเด็จย่าของปวงชนชาวไทย กระทรวงสาธารณสุขจึงได้จัดงานรณรงค์ ‘คนไทยฟันดี สดุดีสมเด็จย่า’ ขึ้น เพื่อเป็นการรำลึกถึงพระมหากรุณาธิคุณ ภายใต้แนวคิด ‘สุขภาพฟันดี ดูแลเองได้’ เพื่อให้ประชาชนตระหนักถึงความสำคัญของการดูแลสุขภาพช่องปากและสามารถดูแลสุขภาพช่องปากตนเองได้ พร้อมทั้งให้โรงพยาบาลรัฐทั่วประเทศจัดบริการทันตกรรม เมื่อวันที่ 16 - 20 ตุลาคม 2566 เพื่อถวายเป็นพระราชกุศลแด่สมเด็จพระศรีนครินทราบรมราชชนนี มีบริการตรวจสุขภาพช่องปาก อุดฟัน ถอนฟันขูดหินปูน ให้คำปรึกษาและคำแนะนำการดูแลสุขภาพช่องปากจากทันตแพทย์ โดยไม่เสียค่าใช้จ่ายให้กับประชาชน” รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงสาธารณสุข กล่าว
ทางด้าน แพทย์หญิงอัจฉรา นิธิอภิญญาสกุล รักษาราชการแทนอธิบดีกรมอนามัย กล่าวว่า สมเด็จพระศรีนครินทราบรมราชชนนี หรือสมเด็จย่าของปวงชนชาวไทย ตลอดเวลาที่ยังทรงพระชนม์ชีพอยู่ ทรงสนพระทัยในเรื่องบริการทันตกรรมเป็นพิเศษ ได้ทรงกำชับไว้ว่า "ต้องมีทันตแพทย์ไปช่วยชาวบ้านทุกครั้ง เนื่องจากคนไข้ในถิ่นทุรกันดาร เมื่อมีโรคฟันจะต้องทนทุกข์ทรมาน และไม่สามารถช่วยตนเองได้" และทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ ให้มีทันตแพทย์ไปปฏิบัติงานร่วมกับแพทย์ใน "หน่วยแพทย์อาสาสมเด็จพระศรีนครินทราบรมราชชนนี" ตั้งแต่ปี 2512 เป็นต้นมา จนถึงปี 2532 คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติให้วันที่ 21 ตุลาคมของทุกปี ซึ่งเป็นวันคล้ายวันพระราชสมภพของพระองค์ เป็น "วันทันตสาธารณสุขแห่งชาติ" เนื่องจากปัญหาสุขภาพช่องปากเป็นสิ่งที่ประชาชนควรให้ความสำคัญกับการดูแลสุขภาพช่องปากตนเองอย่างสม่ำเสมอ จะทำให้มีสุขภาพช่องปากที่ดี ส่งผลต่อการมีคุณภาพชีวิตที่ดีมากขึ้น
ดร.นายแพทย์สราวุฒิ บุญสุข รองอธิบดีกรมอนามัย กล่าวเพิ่มเติมว่า กิจกรรมวันทันตสาธารณสุขแห่งชาติ ในปี 2566 กรมอนามัยจัดกิจกรรมเพื่อรณรงค์ให้คนไทยเห็นความสำคัญในการดูแลสุขภาพช่องปากของตนเอง สื่อสารสิทธิประโยชน์ทางทันตกรรมตามกองทุนหลักประกันสุขภาพของรัฐ 3 กองทุน ได้แก่ หลักประกันสุขภาพแห่งชาติ สวัสดิการการรักษาพยาบาลข้าราชการ และประกันสังคม เพื่อให้ประชาชนเข้าถึงบริการ
ทันตกรรมเพิ่มมากขึ้น และมอบเป้าหมายการดำเนินโครงการฟันเทียม รากฟันเทียมเฉลิมพระเกียรติพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว เนื่องในโอกาสมหามงคลเฉลิมพระชนมพรรษา 72 พรรษา 28 กรกฎาคม 2567 รวมทั้ง กรมอนามัยได้จัดบริการตรวจสุขภาพช่องปาก อุดฟัน ถอนฟัน ขูดหินปูน ให้คำปรึกษาและคำแนะนำการดูแลสุขภาพช่องปากจากทันตแพทย์โดยไม่เสียค่าใช้จ่ายให้กับประชาชน ณ คลินิกส่งเสริมสุขภาพช่องปากและทันตกรรมป้องกัน คลินิกทันตกรรมของศูนย์อนามัยเขตทั่วประเทศ สถาบันสุขภาวะเขตเมืองให้มีการจัดบริการทันตกรรมโดยไม่คิดค่าบริการ
ทันตแพทย์หญิงวรางคนา เวชวิธี ผู้อำนวยการสำนักทันตสาธารณสุข กล่าวว่า การที่ประชาชนละเลยในการดูแลสุขภาพช่องปาก และไม่ได้รับการรักษาที่เหมาะสม จะส่งผลกระทบต่อการดำเนินชีวิตประจำวัน ทั้งการกินอาหาร การพูด การทำความสะอาดฟัน การพักผ่อน รวมทั้งการนอนหลับ การคงสภาพอารมณ์ให้เป็นปกติ การยิ้มหรือให้ผู้อื่นเห็นฟัน การทำงาน และการออกไปพบปะสังสรรค์กับผู้คน โดยเฉพาะในวัยทำงานอาจค่าใช้จ่ายไปกับการรักษาทางทันตกรรม ค่าเดินทางไปรับบริการทางทันตกรรม และอาจกระทบกับรายได้ที่สูญเสียไปจากการลาหยุดงาน กรมอนามัยจึงส่งเสริมให้ประชาชนทุกกลุ่มวัย ดูแลสุขภาพช่องปากด้วยตนเอง โดยแนะนำแปรงฟันสูตร 2-2-2 คือ แปรงฟันอย่างน้อยวันละ 2 ครั้ง ด้วยยาสีฟันผสมฟลูออไรด์ ตอนเช้า และก่อนนอนควรแปรงฟันนาน ครั้งละ 2 นาที ขึ้นไป งดกินอาหารหลังแปรงฟันอย่างน้อย 2 ชั่วโมง และใช้ไหมขัดฟันทุกวันอย่างน้อยวันละครั้ง ตรวจสุขภาพช่องปากโดยทันตบุคลากรอย่างน้อยปีละ 1 ครั้ง และตรวจความผิดปกติในช่องปาก หรือสังเกตรอยโรคด้วยตนเอง เพื่อสุขภาพช่องปากที่ดี
***
กรมอนามัย / 20 ตุลาคม 2566