กรมอนามัย พร้อมให้ข้อมูลข่าวสารที่มีประโยชน์สำหรับคุณ
นายอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข เปิดเผยในการประชุมคณะกรรมการอำนวยการโครงการฟันเทียม รากฟันเทียม เฉลิมพระเกียรติพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว เนื่องในโอกาสมหามงคลเฉลิมพระชนมพรรษา 72 พรรษา 28 กรกฎาคม 2567 เมื่อวันที่ 28 พฤศจิกายน 2565 ณ กระทรวงสาธารณสุข โดยมี กรมอนามัย ร่วมกับ กรมการแพทย์ สำนักงานปลัดกระทรวงสาธารณสุข สำนักงานหลักประกันสุขภาพแห่งชาติ มูลนิธิทันตนวัตกรรมในพระบรมราชูปถัมภ์ และกรมบัญชีกลาง เพื่อดำเนินโครงการดังกล่าว ให้ประชาชนที่สูญเสียฟันได้รับบริการใส่ฟันเทียมแบบถอดได้ และผู้ที่มีความจำเป็นได้รับบริการฝังรากฟันเทียมเพื่อรองรับฟันเทียมทั้งปาก หรือเกือบทั้งปากได้รับบริการอย่างครอบคลุม ทั่วถึง ลดความเหลื่อมล้ำของการให้บริการแต่ละกลุ่มสิทธิประโยชน์ให้ได้รับสิทธิ์อย่างเท่าเทียม ตามนโยบายของรัฐบาล “เข้าถึง เท่าเทียม
ไม่ทิ้งใครไว้ข้างหลัง”
นายแพทย์สุวรรณชัย วัฒนายิ่งเจริญชัย อธิบดีกรมอนามัย กล่าวว่า กรมอนามัยให้ความสำคัญในการส่งเสริมสุขภาพ และพัฒนาคุณภาพชีวิตคนไทย ทั้งนี้ การมีสุขภาพปากและฟันไม่ดีจะส่งผลต่อการใช้ชีวิตเป็นอย่างมาก การจัดทำโครงการฟันเทียม รากฟันเทียมเฉลิมพระเกียรติพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวเนื่องในโอกาสมหามงคลเฉลิมพระชนมพรรษา 72 พรรษา 28 กรกฎาคม 2567 จะช่วยให้ประชาชนเข้าถึงบริการมากขึ้น ตั้งเป้าหมายปี 2565 ประชาชนได้รับบริการใส่ฟันเทียมถอดได้ทั้งปากหรือเกือบทั้งปาก จำนวน 72,000 ราย และประชาชนที่มีความจำเป็นต้องได้รับบริการฝังรากฟันเทียม จำนวน 7,200 ราย นอกจากนี้ ยังพัฒนารูปแบบกลไกการบริหารจัดการโครงการให้ครอบคลุม มีประสิทธิภาพ ทั้งการจัดทำคู่มือการดำเนินงานด้านวิชาการและบริหารจัดการสำหรับทันตแพทย์ การพัฒนาหลักสูตรและอบรมฟื้นฟูบุคลากร ร่วมกับ กรมการแพทย์ และมูลนิธิทันตนวัตกรรมในพระบรมราชูปถัมภ์ เพื่อรองรับการจัดบริการฟันเทียมและรากฟันเทียม พัฒนาศักยภาพแกนนำภาคประชาชนในการคัดกรองและค้นหาผู้สูงอายุเพื่อส่งต่อเข้ารับบริการ รวมทั้งสำรวจความต้องการของหน่วยบริการที่ต้องจัดซื้อเครื่องมือจากเขตสุขภาพต่างๆ และกรุงเทพมหานคร เพื่อสนับสนุนการให้บริการให้ครอบคลุมมากยิ่งขึ้น
“สำหรับประชาชนที่สนใจเข้าร่วมโครงการฯ สามารถรับคำปรึกษาได้ที่สถานบริการสาธารณสุขใกล้บ้าน เพื่อให้ทันตแพทย์ตรวจช่องปากและวางแผนการรักษา ซึ่งการให้บริการฝังรากฟันเทียม ต้องพบทันตแพทย์เพื่อประเมินความจำเป็น และเข้ารับบริการประมาณ 2 – 3 ครั้ง ใช้เวลาดำเนินการประมาณ 30 นาที – 1 ชั่วโมง ขึ้นอยู่กับสภาพช่องปาก หลังจากนั้น จะมีการนัดหมายเพื่อตรวจสภาพรากฟันเทียมและเหงือกเป็นระยะ เพื่อให้สามารถใช้งานอย่างมีคุณภาพยาวนานที่สุด” อธิบดีกรมอนามัย กล่าว
***
กรมอนามัย / 1 ธันวาคม 2565