กรมอนามัย พร้อมให้ข้อมูลข่าวสารที่มีประโยชน์สำหรับคุณ
วันนี้ (8 มีนาคม 2565) นายแพทย์สุวรรณชัย วัฒนายิ่งเจริญชัย อธิบดีกรมอนามัย กล่าวในโอกาสครบรอบ 70 ปี กรมอนามัย (12 มีนาคมของทุกปี) ว่า ในช่วงการแพร่ระบาดโรคโควิด-19 ที่ผ่านมากรมอนามัยในฐานะหน่วยงานที่ส่งเสริมให้คนไทยสุขภาพดี ยังคงมุ่งมั่นให้ความรู้ในการดูแลสุขภาพของคนไทยทุกกลุ่มวัยทั้งด้านสุขภาพและอนามัยสิ่งแวดล้อมให้กับประชาชนปฏิบัติตนอย่างเหมาะสมอย่างต่อเนื่อง เริ่มจากกลุ่มเด็กเล็กโดยให้คำแนะนำหลักปฏิบัติสำหรับพ่อแม่ ผู้ปกครอง ครูและผู้ดูแลเด็ก เพื่อลดความเสี่ยงของการแพร่ระบาดโรคโควิด-19 เช่น สอนให้เด็กล้างมือที่ถูกต้อง หลีกเลี่ยงการพาเด็กไปรวมตัวคนหมู่มาก หรือมีโอกาสใกล้ชิดผู้ป่วย และหมั่นสังเกตสุขภาพเด็กอยู่เสมอ เป็นต้น กลุ่มต่อมา คือ กลุ่มวัยเรียน วัยรุ่น การให้ความรู้แก่กลุ่มวัยนี้จำเป็นต้องให้ความรู้อย่างต่อเนื่อง ตั้งแต่การเว้นระยะห่างทุกครั้งที่ออกนอกบ้าน จำกัดการเดินทางเท่าที่จำเป็น และไม่ไปในที่ที่มีคนหนาแน่น เมื่อกลับถึงบ้านควรอาบน้ำเปลี่ยนเสื้อผ้าทันที สวมหน้ากากตลอดเวลายกเว้นเฉพาะเวลากินอาหาร ไม่กินอาหารร่วมกัน พร้อมทั้งงดการรวมกลุ่มกับเพื่อน และประเมินความเสี่ยงตนเองผ่าน “ไทยเซฟไทย” ทุกวัน หากพบมีความเสี่ยงสูงให้แจ้งผู้ปกครองทันที
นายแพทย์สุวรรณชัย กล่าวต่อไปว่า ในส่วนของกลุ่มวัยทำงาน ซึ่งเป็นกลุ่มวัยที่ควรต้องดูแลตนเองอย่างสม่ำเสมอ เพราะต้องออกจากบ้านเพื่อมาทำงาน จำเป็นต้องเน้นย้ำให้ปฏิบัติตามมาตรการของกระทรวงสาธารณสุขอย่างเคร่งครัด โดยเฉพาะอย่างยิ่ง เมื่อเดินทางกลับถึงบ้านควรทำความสะอาดตัวเอง ลดความเสี่ยงการติดเชื้อไปยังบุคคลในครอบครัว เช่น ถอดรองเท้าหรือหาที่เก็บรองเท้าไว้นอกบ้าน เพื่อลดโอกาสที่รองเท้าจะไปสัมผัสเชื้อโรค และนำมาแพร่เชื้อต่อ ล้างมือทันทีด้วยสบู่และน้ำอย่างน้อย 20 วินาที เมื่อเข้ามาในตัวบ้านให้อาบน้ำ สระผม ส่วนเสื้อผ้าที่ใส่ให้นำไปซักอย่าเก็บไว้ หลีกเลี่ยงการสัมผัสกับบุคคลในบ้าน โดยเฉพาะเด็กและผู้สูงอายุ ถ้าจำเป็นต้องใกล้ชิดกับผู้สูงอายุ หรือผู้ป่วยโรคเรื้อรัง ควรสวมหน้ากากอนามัยตลอดเวลา ไม่ควรกินข้าวร่วมกัน แยกสำรับ อุปกรณ์ ช้อน ส้อม และเน้นกินอาหารปรุงสุกร้อนอยู่เสมอ
“กลุ่มสุดท้าย คือ กลุ่มผู้สูงอายุที่ต้องให้ความระมัดระวังเป็นพิเศษ ควรหลีกเลี่ยงออกจากบ้านในช่วงที่มีการระบาดของโรคหรือบริเวณที่มีคนหนาแน่น หากจำเป็นให้สวมใส่หน้ากากอนามัยโดยใช้เวลาน้อยที่สุด รักษาระยะห่างจากบุคคลอื่น 1 - 2 เมตร หากมีโรคประจำตัว ได้แก่ โรคหัวใจและหลอดเลือด เบาหวาน ความดันโลหิตสูง ปอดอุดกั้นเรื้อรัง มะเร็ง หรือเป็นผู้สูงอายุที่มีภูมิต้านทานโรคต่ำ ควรจัดเตรียมยาสำรอง สำหรับรักษาโรคประจำตัว กรณีเป็นผู้ป่วยติดเตียง ผู้ดูแลต้องดูแลสุขภาพตนเองอย่างสม่ำเสมอ หากสงสัยว่าป่วยให้สับเปลี่ยนผู้ดูแล และเฝ้าระวังอาการอย่างใกล้ชิด ถ้ามีความเสี่ยงให้ตรวจหาเชื้อเบื้องต้นด้วย ATK หากตรวจแล้วไม่พบเชื้อ ให้ตรวจซ้ำ หลังจากตรวจครั้งแรก 3 - 5 วัน หรือเมื่อมีอาการ สำหรับญาติที่ไม่ใช่ผู้ดูแล ควรหลีกเลี่ยง การใกล้ชิดผู้สูงอายุ ให้เปลี่ยนเป็นการเยี่ยมผู้สูงอายุผ่านสื่อออนไลน์แทน ทั้งนี้ ไม่ว่าจะเป็นกลุ่มวัยใด กรมอนามัยยังคงขอเน้นย้ำให้ประชาชนยกระดับการป้องกันด้วยหลัก UP (Universal Prevention) อย่างเข้มข้นและต่อเนื่อง เพื่อลดความเสี่ยงโรคโควิด-19” อธิบดีกรมอนามัย กล่าว
***
กรมอนามัย / 8 มีนาคม 2565