กรมอนามัย พร้อมให้ข้อมูลข่าวสารที่มีประโยชน์สำหรับคุณ
กระทรวงสาธารณสุข จัดการประชุมวิชาการระดับชาติด้านการส่งเสริมสุขภาพและนวัตกรรมการดูแลผู้สูงอายุ ครั้งที่ 1 เพื่อส่งเสริมสุขภาพและอนามัยสิ่งแวดล้อมที่เอื้อต่อการดำรงชีวิตประจำวันของผู้สูงอายุในทุกระดับ ตั้งเป้าปี 2565 ผู้สูงอายุเข้าถึงระบบการดูแลส่งเสริมสุขภาพในชุมชนแบบบูรณาการ จำนวน 1 ล้านคน
วันนี้ (27 ธันวาคม 2564) ดร.สาธิต ปิตุเตชะ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงสาธารณสุข เปิดเผยภายหลังเป็นประธาน การเปิดประชุมวิชาการระดับชาติด้านการส่งเสริมสุขภาพและนวัตกรรมการดูแลผู้สูงอายุ ครั้งที่ 1 ณ ห้องประชุมกำธร สุวรรณกิจ อาคาร 1 ชั้น 1 กรมอนามัย ว่า กระทรวงสาธารณสุข โดยกรมอนามัย ได้จัดการประชุมวิชาการระดับชาติด้านการส่งเสริมสุขภาพและนวัตกรรมการดูแลผู้สูงอายุ ครั้งที่ 1 เพื่อแลกเปลี่ยนเรียนรู้ ถ่ายทอด นวัตกรรมด้านการส่งเสริมสุขภาพผู้สูงอายุ เนื่องจากปัจจุบันประเทศไทยได้ก้าวเข้าสู่สังคมผู้สูงอายุ จากจำนวนประชากรทั้งสิ้น จำนวน 66.68 ล้านคน มีผู้สูงอายุ 12.5 ล้านคน หรือร้อยละ 18.7 โดยแบ่งเป็นผู้สูงอายุเป็นกลุ่มติดสังคม ร้อยละ 96.69 กลุ่มติดบ้าน ร้อยละ 2.68 และกลุ่มติดเตียง ร้อยละ 0.63 นอกจากนี้ การแพร่ระบาดของโรคโควิด-19 ยังทำให้ผู้สูงอายุติดเชื้อ 199,694 ราย และเสียชีวิต 14,589 ราย ถึงแม้การได้รับวัคซีนในกลุ่มผู้สูงอายุจะมีมากถึงร้อยละ 74.2 แต่ยังคงเพิ่มมาตรการทางด้านสาธารณสุขที่เข้มข้นในการดูแลผู้สูงอายุให้ลดอัตราการติดเชื้อและการเสียชีวิตลดลงได้ โดยที่ผ่านมา กระทรวงสาธารณสุขได้ขับเคลื่อนการส่งเสริมสุขภาพและนวัตกรรมการดูแลผู้สูงอายุ ดังนี้ 1) ประเมินคัดกรองสุขภาพผู้สูงอายุ ผ่านแอปพลิเคชันสมุดบันทึกสุขภาพผู้สูงอายุ (Blue Book Application) ซึ่งมีผู้สูงอายุลงทะเบียนแล้ว จำนวน 495,557 คน 2) การส่งเสริมสุขภาพกลุ่ม Active Aging ขับเคลื่อนผ่านกลไกชมรมผู้สูงอายุ โรงเรียนผู้สูงอายุ ให้ผู้สูงอายุประเมินสุขภาพตนเอง และจัดทำแผนการส่งเสริมสุขภาพดี ส่งผลให้มีพฤติกรรมสุขภาพที่พึงประสงค์ และ 3) สำหรับกลุ่มผู้สูงอายุที่มีภาวะพึ่งพิง ได้ดำเนินงานตำบล Long Term Care สร้างการรับรู้แก่ประชาชนมาตั้งแต่ปี 2559 ขับเคลื่อนตั้งแต่ระดับนโยบายสู่การปฏิบัติในระดับพื้นที่ ด้วยนวัตกรรม 3C คือ มีผู้จัดการการดูแลผู้สูงอายุ (Care Manager) ผู้ดูแลผู้สูงอายุ (Caregiver) และวางแผนการดูแลผู้สูงอายุรายบุคคล (Care Plan) ร่วมกับทีมหมอครอบครัวและภาคีเครือข่ายในระดับชุมชน
“ทั้งนี้ กระทรวงสาธารณสุขได้ตั้งเป้าหมายการขับเคลื่อนงานผู้สูงอายุภายใต้วิถีชีวิตใหม่ทั่วประเทศ ร่วมกับภาคีเครือข่ายจากภาคส่วนต่าง ๆ ทั้งในประเทศ และต่างประเทศ โดยพัฒนาเทคโนโลยีและนวัตกรรมที่รองรับการเปลี่ยนแปลงตลอดจนพัฒนาศักยภาพของบุคลากรด้านสุขภาพที่มีความเปลี่ยนไปตามสถานการณ์ เพื่อให้ผู้สูงอายุได้รับการดูแลครบทั้ง 4 มิติ ได้แก่ ด้านสุขภาพ ด้านสังคม ด้านเศรษฐกิจ ด้านสิ่งแวดล้อม ส่งผลให้ผู้สูงอายุมีคุณภาพชีวิตที่ดี พร้อมทั้งเข้าถึงหรือใช้นวัตกรรมและเทคโนโลยีในการดูแลผู้สูงอายุอย่างเสมอภาคและเท่าเทียมจากทีมสหวิชาชีพ หน่วยบริการปฐมภูมิและโรงพยาบาลส่งเสริมสุขภาพระดับตำบลอย่างต่อเนื่อง ด้วยการมีส่วนร่วมของครอบครัว ชุมชน และท้องถิ่น ทำให้รัฐบาลสามารถลดภาระงบประมาณค่าใช้จ่ายลง ลดความแออัด ในสถานพยาบาล รวมถึงผู้สูงอายุมีทักษะในการจัดการสุขภาพตนเอง โดยในปี 2565 ตั้งเป้าให้ผู้สูงอายุเข้าถึงระบบการดูแลส่งเสริมสุขภาพในชุมชนแบบบูรณาการ จำนวน 1 ล้านคน” รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงสาธารณสุข กล่าว
ทางด้าน นายแพทย์สุวรรณชัย วัฒนายิ่งเจริญชัย อธิบดีกรมอนามัย กล่าวว่า กรมอนามัยสนับสนุนให้ผู้สูงอายุที่มีภาวะพึ่งพิง ได้รับการดูแลและเข้าถึงระบบบริการด้านสาธารณสุขถึงที่บ้านอย่างต่อเนื่อง โดยพัฒนาทักษะบุคลากร ได้แก่ Care Manager Caregiver จิตอาสาในชุมชน ชมรมผู้สูงอายุ พระคิลานุปัฏฐาก เพื่อขับเคลื่อนดำเนินงานด้านการดูแลส่งเสริมสุขภาพและอนามัยสิ่งแวดล้อมให้เอื้อต่อผู้สูงอายุในทุกระดับ ซึ่งในการประชุมวิชาการในครั้งนี้ ได้มีการมอบโล่ประกาศเกียรติคุณ 6 ประเภท ให้กับบุคคลและหน่วยงานที่ดำเนินงานส่งเสริมสุขภาพดูแลผู้สูงอายุระยะยาวระดับดีเด่น ได้แก่ 1) ตำบลที่มีระบบ การส่งเสริมสุขภาพดูแลผู้สูงอายุระยะยาว (Long Term Care) ในชุมชนผ่านเกณฑ์ 2) ชมรมผู้สูงอายุ 3) ผู้สูงอายุต้นแบบสุขภาพดี ชีวีมีสุข 4) ผู้จัดการการดูแลผู้สูงอายุ (Care Manager) 5) ผู้ดูแลผู้สูงอายุ (Caregiver) และ 6) นวัตกรรมด้านการส่งเสริมดูแลสุขภาพผู้สูงอายุ เพื่อเป็นการสร้างขวัญกำลังใจแก่ผู้สูงอายุต้นแบบ และผู้ปฏิบัติงานที่เกี่ยวข้องกับการดูแลผู้สูงอายุด้วย
***
กรมอนามัย/ 27 ธันวาคม 2564