กรมอนามัย กระทรวงสาธารณสุข ห่วงช่วงเทศกาลปีใหม่ประชาชนส่วนใหญ่นิยมจัดงานเลี้ยงฉลองและมีพฤติกรรมสุขภาพไม่เหมาะสมเสี่ยงสุขภาพแย่ แนะวิธีดูแลสุขภาพตนเองให้แข็งแรง พร้อมตั้งรับความปลอดภัยด้านอาหารและเพื่อป้องกันโรคระบาดตั้งแต่แหล่งผลิตจนถึงมือประชาชน และเดินทางอย่างมั่นใจด้วยข้อมูลส้วมสาธารณะสะอาดได้มาตรฐานสืบค้นได้ด้วย GPS
นายแพทย์เจษฎา โชคดำรงสุข อธิบดีกรมอนามัย เปิดเผยว่า ช่วงเทศกาลปีใหม่ประชาชนส่วนใหญ่จะนิยมจัดงานเลี้ยงฉลองตามสถานที่ต่าง ๆ รวมถึงการเดินทางไปท่องเที่ยวและกลับภูมิลำเนา ซึ่งถือเป็นเทศกาลแห่งความสุขที่ได้อยู่ด้วยกันทั้งครอบครัว และยังเป็นช่วงเวลาที่เหมาะต่อการดูแลสุขภาพของตนเอง เพราะเทศกาล ปีใหม่ถือเป็นช่วงเวลาแห่งการพักผ่อนเนื่องจากหยุดยาวเป็นเวลา 4วัน สามารถหาวิธีคลายเครียดด้วยกิจกรรมต่าง ๆ เช่น ดูหนัง ฟังเพลง ปลูกต้นไม้ จัดบ้าน จัดสวน เล่นกีฬา หรือรับประทานอาหารร่วมกันในครอบครัว เพื่อเป็นการแลกเปลี่ยนความคิดเห็นหรือสร้างความสัมพันธ์ที่ดี ห่วงประชาชนอาจฉลองเทศกาลปีใหม่เพลินเสี่ยงสุขภาพแย่เพราะพฤติกรรมสุขภาพที่ไม่เหมาะสม เช่น การดื่มเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ สูบบุหรี่ หรือกินอาหารหวาน มัน เค็ม ซึ่งหากปฏิบัติติดต่อกันเป็นเวลานานโดยเฉพาะผู้ที่มีโรคประจำตัว อาทิ หัวใจ เบาหวาน ความดันโลหิตสูงยิ่งเสี่ยงต่อการทำให้สุขภาพตนเองแย่มากยิ่งขึ้น
นายแพทย์เจษฎา กล่าวต่อไปว่า การดูแลสุขภาพให้แข็งแรงอยู่เสมอหรือเริ่มต้นใส่ใจสุขภาพตั้งแต่วันนี้ ถือเป็นการมอบของขวัญปีใหม่ให้กับตนเอง เริ่มต้นด้วยการปรับเปลี่ยนพฤติกรรมการบริโภคและการออกกำลังกาย ควรเลือกทานอาหารให้ครบ 5 หมู่ ลดปริมาณอาหารรสหวานจัด คือ บริโภคน้ำตาลไม่เกิน 4 ? 6 ช้อนชาต่อวัน ลดอาหารรสเค็มควรบริโภคเกลือน้อยกว่า 1 ช้อนชาต่อวัน อาหารประเภททอดและอาหารที่มีไขมันสูง อาหารสุก ๆ ดิบ ๆ โดยเฉพาะในช่วงเทศกาลปีใหม่ที่งานเลี้ยงสังสรรค์จะเต็มไปด้วยเมนูที่เป็นแป้ง น้ำตาล และไขมันมาก จึงควรรับประทานในปริมาณที่พอเหมาะ เพิ่มเมนูผักและผลไม้รสไม่หวานจัด นอกจากนี้ ควรงดน้ำหวาน น้ำอัดลม เปลี่ยนเป็นน้ำสมุนไพรที่หวานน้อย ซึ่งหากสามารถปฏิบัติได้อย่างต่อเนื่องและเป็นประจำ ไม่เพียงแต่ช่วงเทศกาลปีใหม่ก็จะส่งผลดีต่อสุขภาพ และลดความเสี่ยงต่อการเกิดโรคเรื้อรังได้
"ทั้งนี้ การออกกำลังกายเป็นประจำ สัปดาห์ละ 3-5 วัน วันละ 30 นาที จะช่วยให้ปอดและหัวใจแข็งแรง อีกทั้งยังช่วยป้องกันการเกิดโรคไม่ติดต่อเรื้อรัง เช่น โรคมะเร็ง หัวใจและหลอดเลือด เบาหวาน และโรคอ้วน นอกจากนี้ ควรนอนหลับอย่างน้อยวันละ 7-8 ชั่วโมง เพื่อร่างกายจะได้สดชื่นและมีสุขภาพที่ดีมากยิ่งขึ้น?
นายแพทย์เจษฎา กล่าวในตอนท้ายว่า การเดินทางในช่วงเทศกาลปีใหม่ประชาชนต้องระมัดระวังเป็นพิเศษ เพราะการประมาทอาจทำให้เกิดอุบัติเหตุได้ ซึ่งเป็นอันตรายตนเองและคนรอบข้างถึงขั้นเสียชีวิต ต้องสวมหมวกกันน็อกและรัดเข็มขัดนิรภัยทุกครั้งในการใช้รถ ปฏิบัติตามกฎจราจรและไม่ควรดื่มเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ขณะขับขี่หรือเมาไม่ขับ และกรมอนามัยยังได้เตรียมความพร้อมเพื่อสร้างความมั่นใจกับประชาชนในการจับจ่ายใช้สอยสินค้าช่วงเทศกาลปีใหม่ ด้วยมาตรฐานความปลอดภัยด้านอาหารและน้ำ เช่น ร้านอาหารสะอาด รสชาติอร่อย (Clean food good taste) ตลาดสด ตลาดนัด น่าซื้อ รวมถึงการพัฒนาส้วมสาธารณะให้ได้มาตรฐานสะอาด เพียงพอ ปลอดภัย (HAS) ที่สามารถค้นหาได้บน GPSตลอดการเดินทาง อีกทั้งเกราะป้องกันเชื้อโรคที่ดีที่สุดคือ การล้างมือทุกครั้งก่อนรับประทานอาหารและหลังการใช้ห้องส้วมเพื่อป้องกันโรคระบาดและสร้างสุขอนามัยที่ดีอีกด้วย
***
กลุ่มสื่อสารองค์กร / 28 ธันวาคม 2555