สธ. วอนส้วมปั๊มคุมเข้มกลิ่นเหม็น-ความสะอาด รับนักท่องเที่ยวช่วงสงกรานต์
กระทรวงสาธารณสุข ขอความร่วมมือผู้ประกอบการสถานีบริการน้ำมันเชื้อเพลิงหรือปั๊มน้ำมัน รณรงค์ทำความสะอาดส้วม เพื่อสร้างความปลอดภัยให้กับผู้ใช้บริการในช่วงสงกรานต์ หลังผลสำรวจพบส้วมปั๊มน้ำมันควรปรับปรุงมากที่สุด โดยเฉพาะเรื่องกลิ่นเหม็น
นายจุรินทร์ ลักษณวิศิษฏ์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข เปิดถึงการรณรงค์ทำความสะอาดส้วมรับสงกรานต์ ว่า ผลจากการสำรวจความคิดเห็นของประชาชนจำนวน 1,000 คน ในกรุงเทพมหานครและปริมณฑล เมื่อปี 2552เกี่ยวกับส้วมสาธารณะที่มีให้บริการในสถานที่ต่าง ๆ อาทิ สถานบริการน้ำมันเชื้อเพลิง แหล่งท่องเที่ยว สถานีขนส่งทางบกและทางอากาศ ตลาดสด โรงพยาบาล สถานที่ราชการ สวนสาธารณะ และห้างสรรพสินค้า เป็นต้น พบว่า ประชาชนต้องการให้ปรับปรุงส้วมในสถานีบริการน้ำมันเชื้อเพลิงหรือส้วมปั๊มน้ำมันมากที่สุด ร้อยละ 26 รองลงมาคือ ตลาดสด ร้อยละ 21.4 และแหล่งท่องเที่ยว ร้อยละ 17นอกจากนี้ ปัญหาที่ต้องการให้แก้ไขมากที่สุดคือเรื่องกลิ่นเหม็น ร้อยละ 76.5 รองลงมาคือความสะอาด ร้อยละ 66.7 และพื้นแห้ง ไม่ลื่น ร้อยละ 30.7
นายจุรินทร์ กล่าวต่อไปว่า ผลการสำรวจอนามัยโพล เกี่ยวกับสถานการณ์ส้วมสถานีบริการน้ำมันเชื้อเพลิงบนถนนสายหลักเมื่อปี 2552 พบว่า สถานีบริการน้ำมันเชื้อเพลิงมีจำนวนทั้งสิ้น 1,578 แห่ง และจากการสุ่มสำรวจจำนวน 315 แห่ง ใน 28 จังหวัด พบว่าผ่านเกณฑ์มาตรฐาน HAS เพียงร้อยละ 31.75 กระทรวงสาธารณสุขจึงได้ลงนามตกลงความร่วมมือกับสถานีบริการปั๊มน้ำมันเพื่อพัฒนาส้วมปั๊มน้ำมันบนถนนสายหลัก 8 เส้นทางเมื่อวันที่ 24 กุมภาพันธ์ 2554 โดยตั้งเป้าในปี 2554 ให้มีส้วมผ่านเกณฑ์มาตรฐาน HAS ร้อยละ 80 ซึ่งผลการสำรวจล่าสุด เมื่อเดือนมีนาคม 2554 พบว่า มีส้วมผ่านเกณฑ์มาตรฐานของกรมอนามัยแล้วจำนวน 583 แห่ง คิดเป็นร้อยละ 36.95 แบ่งเป็น ทางหลวงหมายเลข 1 พหลโยธิน ร้อยละ 28.73 หมายเลข 2 มิตรภาพ ร้อยละ 20.36 หมายเลข 23 (ขอนแก่น ? อุบลราชธานี) ร้อยละ 4 หมายเลข 226 (นครราชสีมา ? อุบลราชธานี) ร้อยละ 5.82 หมายเลข 3 สุขุมวิท ร้อยละ 6.55 หมายเลข 4 เพชรเกษม ร้อยละ 20.36 ทางหลวงสายเอเชีย ร้อยละ 13.09 และทางหลวงสายเอเชียพระรามที่ 2 ร้อยละ 1.09
"ทั้งนี้ ในช่วงเทศกาลสงกรานต์จะมีประชาชนเดินทางไปต่างจังหวัดจำนวนมาก ทำให้มีผู้ใช้บริการส้วมสาธารณะตามสถานีขนส่ง สถานีบริการน้ำมันเชื้อเพลิง ศาสนสถาน โรงพยาบาล และตามแหล่งท่องเที่ยวต่าง ๆ มากตามไปด้วย กระทรวงสาธารณสุขจึงต้องขอความร่วมมือจากผู้ประกอบการในสถานที่ต่าง ๆ ร่วมกันล้างส้วมสาธารณะให้สะอาดปลอดภัยเพื่อรองรับจำนวนนักท่องเที่ยว โดยเฉพาะจุดที่พบเชื้อโรคมากและเสี่ยงต่อการแพร่กระจายโรค 3 จุด คือ ที่จับสายฉีดน้ำชำระ พื้นห้องส้วม และที่รองนั่งส้วมแบบนั่งราบ สำหรับผู้ใช้บริการส้วมสาธารณะต้องมีพฤติกรรมการใช้ส้วมที่ถูกต้อง ซึ่งในระเวลา 4ปีที่ผ่านมา กระทรวงสาธารณสุขโดยกรมอนามัยได้เร่งรณรงค์และสร้างความตระหนักกับประชาชนให้เห็นความสำคัญต่อพฤติกรรมการใช้ส้วมสาธารณะอย่างถูกต้อง โดยไม่ขึ้นไปเหยียบบนโถส้วมแบบนั่งราบ ไม่ทิ้งวัสดุอื่นนอกจากกระดาษชำระลงโถส้วม ราดน้ำหรือกดชักโครกทุกครั้งหลังการใช้ส้วม และล้างมือทุกครั้งหลังการใช้ส้วม เพื่อช่วยกันดูแลและรักษาความสะอาดแก่สถานบริการและลดจุดเสี่ยงของการเกิดโรค เพราะส้วมสาธารณะที่สะอาด ปลอดภัย จะช่วยให้ผู้ใช้บริการไม่เสี่ยงต่อการเกิดโรคในช่วงหน้าร้อน อาทิ โรคอุจจาระร่วง อาหารเป็นพิษ บิด ไทฟอยด์และอหิวาตกโรค? รัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข กล่าวในที่สุด
*** กลุ่มสื่อสารองค์กร / 12 เมษายน 2554