ข่า
วแจก "พระเจ้าวรวงศ์เธอ พระองค์เจ้าศรีรัศมิ์ฯ ประทานโล่เกียรติคุณโรงพยาบาลสายใยรักแห่งครอบครัว ระดับทอง"
กรมอนามัย พร้อมให้ข้อมูลข่าวสารที่มีประโยชน์สำหรับคุณ
24
กุมภาพันธ์
2554
ข่าวแจก "พระเจ้าวรวงศ์เธอ พระองค์เจ้าศรีรัศมิ์ฯ ประทานโล่เกียรติคุณโรงพยาบาลสายใยรักแห่งครอบครัว ระดับทอง"
พระเจ้าวรวงศ์เธอ พระองค์เจ้าศรีรัศมิ์ฯ ประทานโล่เกียรติคุณโรงพยาบาลสายใยรักแห่งครอบครัว ระดับทอง
เมื่อวันที่ 23 กุมภาพันธ์ 2554 พระเจ้าวรวงศ์เธอ พระองค์เจ้าศรีรัศมิ์ พระวรชายาในสมเด็จพระบรมโอรสาธิราชฯ สยามมกุฎราชกุมาร ทรงเปิดงาน "โครงการประกาศเกียรติคุณโรงพยาบาลสายใยรักแห่งครอบครัวระดับทอง และสัมมนาวิชาการอนามัยแม่และเด็กแห่งชาติ ครั้งที่ 3?ณ โรงแรมมิราเคิล แกรนด์ คอนเวนชั่น กรุงเทพมหานคร โดยมี นายจุรินทร์ ลักษณวิศิษฏ์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข และผู้บริหารระดับสูงของกระทรวงสาธารณสุขเฝ้าฯ รับเสด็จ
นายจุรินทร์ ลักษณวิศิษฏ์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข กราบทูลรายงานว่า ด้วยพระปณิธานอันแน่วแน่ ที่ทรงมีเป้าหมายในการส่งเสริมสถาบันครอบครัวให้อบอุ่น มีการสนับสนุนให้สมาชิกในครอบครัวคือ พ่อ แม่ ลูก ได้อยู่ร่วมกันอย่างมีความสุข ได้รับความรัก ความอบอุ่น และได้รับการดูแลที่ดีตั้งแต่เริ่มมีชีวิตอยู่ในครรภ์มารดา จนกระทั่งมีการคลอดลูกอย่างปลอดภัย ได้กินนมแม่ตั้งแต่แรกเริ่มชีวิต ตลอดจนได้รับการเลี้ยงดูอย่างถูกต้องมีการเจริญเติบโตและพัฒนาการสมวัย และเจริญเติบโตเป็นเยาวชนที่มีสุขภาพกายและสุขภาพจิตที่ดีไม่ก่อปัญหาสังคม
นายจุรินทร์ กล่าวต่อไปว่า กระทรวงสาธารณสุขน้อมรับพระปณิธานดังกล่าวเป็นแนวทางในการดำเนินงานโครงการโรงพยาบาลสายใยรักแห่งครอบครัวตั้งแต่ปีงบประมาณ 2550 เป็นต้นมา โดยมีแนวคิดในการพัฒนาคุณภาพบริการอนามัยแม่และเด็กของหน่วยบริการสาธารณสุขให้จัดระบบบริการที่ได้มาตรฐานตามกระบวนการคุณภาพ ตั้งแต่ระยะตั้งครรภ์ คลอด หลังคลอด การเลี้ยงดูบุตรแรกเกิดถึง 5 ปี เชื่อมโยงสู่ชุมชนให้มีส่วนร่วมดำเนินการ รวมถึงตั้งเป็นชมรมต่าง ๆ เพื่อพัฒนาคุณภาพบริการของหน่วยบริการสาธารณสุข อันจะส่งผลให้แม่ลูกปลอดภัยจากการตั้งครรภ์และการ คลอดลูกได้รับการเลี้ยงดูให้เจริญเติบโตและพัฒนาการสมวัย มีระดับเชาว์ปัญญา (IQ) เทียบเท่ามาตรฐานสากล
นายจุรินทร์ กล่าวต่อว่า ผลการดำเนินงานพบว่า มีโรงพยาบาลที่ผ่านการประเมินโรงพยาบาลสายใยรัก แห่งครอบครัวระดับทอง ประสบความสำเร็จตามเป้าหมายที่กำหนดไว้ กระทรวงสาธารณสุขจึงได้จัดทำโครงการประกาศเกียรติคุณโรงพยาบาลสายใยรักแห่งครอบครัวระดับทองและสัมมนาวิชาการอนามัยแม่และเด็กแห่งชาติ ครั้งที่ 3ขึ้น โดยมีวัตถุประสงค์เพื่อประกาศเกียรติคุณและประทานโล่เกียรติคุณแก่โรงพยาบาลที่ผ่านการประเมินเป็นโรงพยาบาลสายใยรักแห่งครอบครัวระดับทอง สร้างความสัมพันธ์ สร้างคุณค่าและแรงจูงใจแก่โรงพยาบาลทุกระดับ เพื่อให้เกิดการพัฒนาระบบบริการผ่านเกณฑ์ประเมินโรงพยาบาลสายใยรักแห่งครอบครัวระดับทอง และเพิ่มพูนความรู้และแลกเปลี่ยนประสบการณ์ ในงานอนามัยแม่และเด็ก "สำหรับโรงพยาบาลที่ผ่านการประเมินมาตรฐานโรงพยาบาลระดับทองในครั้งนี้ มีจำนวนทั้งสิ้น 78แห่ง ซึ่งมีผู้อำนวยการโรงพยาบาลที่ผ่านการประเมินเข้าร่วมรับประทานโล่เกียรติคุณ สำหรับงบประมาณในการจัดงานครั้งนี้ได้รับ การสนับสนุนจากสำนักงานหลักประกันสุขภาพแห่งชาติ? รัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข กล่าว
ดร.นพ.สมยศ ดีรัศมี อธิบดีกรมอนามัย กล่าวว่า ขณะนี้มีโรงพยาบาลรัฐและเอกชนสมัครเข้าร่วมโครงการจำนวน 898 แห่ง คิดเป็นร้อยละ 85.3 ของโรงพยาบาลทั้งหมด โดยผลการดำเนินงานในปี 2553 พบว่า มีโรงพยาบาลของรัฐและเอกชนผ่านการประเมินระดับทองจำนวน 563 แห่ง ซึ่งสาระสำคัญของการพัฒนาคุณภาพบริการไม่เพียงแต่จะให้ความสำคัญต่อการพัฒนาในระดับโรงพยาบาลเท่านั้น แต่ยังรวมไปถึงการพัฒนาศักยภาพและองค์ความรู้ของบุคลากรทางการแพทย์และสาธารณสุขในเรื่องการดูแลสตรีมีครรภ์แนวใหม่ตามข้อแนะนำขององค์การอนามัยโลก การพัฒนาคลินิกเด็กดีสร้างลูกฉลาด การส่งเสริมการเลี้ยงลูกด้วยนมแม่และการแลกเปลี่ยนเรียนรู้คลินิก 3 วัยเด็กไทยฉลาด โดยมุ่งหวังให้แต่ละโรงพยาบาลมีบุคลากรทางการแพทย์และสาธารณสุขที่มีความรู้ ความสามารถในการจัดบริการที่ได้มาตรฐานและจัดบริการเชื่อมโยงสู่ ครัวเรือนโดยการอบรม อสม.นมแม่ เพื่อสายใยรักแห่งครอบครัวเพื่อการค้นหาสตรีมีครรภ์ ให้คำแนะนำและส่งต่อฝากครรภ์ ณ สถานบริการสาธารณสุขเพื่อสุขภาพลูกน้อยในครรภ์และป้องกันทารกคลอดก่อนกำหนด รวมถึงการเยี่ยมบ้าน แม่หลังคลอดเพื่อช่วยเหลือการเลี้ยงลูกด้วยนมแม่และการเลี้ยงดูบุตร
"ทั้งนี้ การดำเนินงานโครงการโรงพยาบาลสายใยรักแห่งครอบครัวส่งผลให้อัตราทารกขาดออกซิเจนเมื่อแรกคลอดที่ 1 นาที มีแนวโน้มลดลงจากอัตรา 26.6 ต่อพันการเกิดมีชีพ ในปี 2552 เหลือ 25.0 ต่อพันการเกิดมีชีพ ในปี 2553 และส่งผลให้อัตราการเลี้ยงลูกด้วยนมแม่อย่างเดียว 6 เดือน เพิ่มขึ้นจากร้อยละ 14.5 ในปี 2550 เป็นร้อยละ 29.6 ในปี 2553 ซึ่งเด็กที่กินนมแม่อย่างเดียว 6 เดือน มีค่าเฉลี่ยระดับสติปัญญาสูงกว่าเด็กที่ไม่ได้กินนมแม่? อธิบดีกรมอนามัย กล่าว
กลุ่มสื่อสารองค์กร / 23 กุมภาพันธ์ 2554