กรมอนามัยต่อยอดงาน HIA ปี 2554 พุ่งเป้าถ่ายทอดความรู้ 300 เทศบาล ตั้งรับรัฐธรรมนูญมาตรา 67
กรมอนามัย กระทรวงสาธารณสุข จัดอบรมเชิงปฏิบัติการการประเมินผลกระทบต่อสุขภาพสำหรับบุคลากรองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น (ระดับเทศบาล) จำนวน 300 แห่ง หวังสร้างความรู้ ความเข้าใจในแนวคิด วิธีการดำเนินงานการประเมินผลกระทบต่อสุขภาพ เพื่อรองรับมาตรา 67
วันนี้ (22 กุมภาพันธ์ 2554) ดร.นพ.สมยศ ดีรัศมี อธิบดีกรมอนามัย เปิดเผยในการอบรมเชิงปฏิบัติการการประเมิน ผลกระทบต่อสุขภาพสำหรับบุคลากรองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น (ระดับเทศบาล) ณ โรงแรมเซ็นทารา ดวงตะวัน จังหวัดเชียงใหม่ ว่า ตามรัฐธรรมนูญ พ.ศ.2550 มาตรา 67 วรรคสอง ได้ระบุว่าการดำเนินโครงการหรือกิจกรรมที่อาจก่อให้เกิดผลกระทบต่อชุมชนอย่างรุนแรงทั้งทางด้านคุณภาพสิ่งแวดล้อม ทรัพยากรธรรมชาติ และสุขภาพ จะกระทำมิได้ เว้นแต่จะได้ศึกษาและประเมินผลกระทบต่อคุณภาพสิ่งแวดล้อมและสุขภาพของประชาชน และจัดให้มีกระบวนการรับฟังความคิดเห็นของประชาชนและผู้มีส่วนได้ส่วนเสียก่อน พร้อมทั้งเปิดรับฟังความคิดเห็นจากประชาชนและผู้มีส่วนได้ส่วนเสีย ซึ่งองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นระดับเทศบาลถือเป็นองค์กรที่มีบทบาทหน้าที่สำคัญในการกำหนดทิศทางนโยบายสาธารณะ ตลอดจนแผนงานโครงการพัฒนาที่ให้ความสำคัญด้านสุขภาพโดยผ่านช่องทางการทำแผนพัฒนาท้องถิ่น การอนุญาตประกอบกิจการฯ และกำกับดูแลการประกอบกิจการฯ ต่าง ๆ ในพื้นที่ จึงจำเป็นต้องกำหนดมาตรการป้องกันและลดผลกระทบต่อสุขภาพที่อาจเกิดขึ้นจากการดำเนินโครงการและการประกอบกิจการฯ พร้อมทั้งคุ้มครองสุขภาพอนามัยของประชาชนเพื่อให้มีสุขภาพอนามัยและอยู่ในสภาพแวดล้อมที่ดี
ดร.นพ.สมยศ ดีรัศมี กล่าวต่อไปว่า การประเมินผลกระทบต่อสุขภาพเป็นเครื่องมือสำคัญที่ใช้สำหรับคุ้มครองและส่งเสริมสุขภาพของประชาชนจากนโยบาย แผนงาน การดำเนินโครงการพัฒนาฯ กิจกรรมต่าง ๆ ทั้งของภาครัฐและเอกชน อีกทั้ง ยังช่วยค้นหาแนวทางในการป้องกันผลกระทบที่อาจเป็นภัยคุกคามต่อสุขภาพ โดยเน้นกระบวนการมีส่วนร่วมของประชาชนและ ผู้มีส่วนได้ส่วนเสียในทุกภาคส่วน ช่วยเสริมสร้างและกำหนดทิศทางการมีสุขภาพที่ดีในสภาวะแวดล้อมที่เหมาะสมได้ด้วยตัวเอง โดยเฉพาะเทศบาลจำนวน 2,016แห่งทั่วประเทศ ถือเป็นกลุ่มเป้าหมายหลักที่กรมอนามัยต้องพัฒนาให้มีความรู้ความเข้าใจเกี่ยวกับการประเมินผลกระทบต่อสุขภาพ เพราะจากการดำเนินงานร่วมกันระหว่างกรมอนามัยและเทศบาลที่ผ่านมาพบว่า ปัญหาที่ส่งผลกระทบต่อสุขภาพส่วนใหญ่คือเรื่องการประกอบกิจการต่าง ๆ ตามประกาศกระทรวงสาธารณสุขที่ 5/2538 ออกตามความในพระราชบัญญัติการสาธารณสุข พ.ศ. 2535 ซึ่งหากบุคลากรระดับท้องถิ่น มีความรู้ ความเข้าใจ ถึงปัญหาและ หาแนวทางแก้ไขได้ตั้งแต่ระดับพื้นที่แล้ว ปัญหาโดยรวมก็จะลดลงได้ ตั้งแต่ปีงบประมาณ 2552-2553 กรมอนามัยได้จัดอบรมเชิง-ปฏิบัติการการประเมินผลกระทบต่อสุขภาพสำหรับบุคลากรองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น (ระดับเทศบาล) แล้วจำนวน 798 แห่ง ซึ่งโครงการพัฒนาศักยภาพฯ ดังกล่าวเป็นความร่วมมืออย่างใกล้ชิดระหว่างกรมอนามัย และกรมส่งเสริมการปกครองส่วนท้องถิ่น ดร.นพ.สมยศ ดีรัศมี กล่าวต่อว่า ภายหลังการอบรมในปี 2553 ได้มีองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น (ระดับเทศบาล) บางแห่ง นำความรู้ที่ได้รับไปประยุกต์ใช้ในงานด้านอนามัยสิ่งแวดล้อมที่เกี่ยวข้องกับชุมชน ดำเนินงานโครงการที่มีผลกระทบต่อสุขภาพประชาชน ตลอดจนนำความรู้ไปประยุกต์ใช้ในการประเมินกิจกรรม/โครงการพัฒนาในท้องถิ่น ทั้งนี้ กรมอนามัยได้ดำเนินการพัฒนาแนวทางการประเมินผลกระทบต่อสุขภาพในหลายกิจกรรม/โครงการ เช่น แนวทางการประเมินผลกระทบต่อสุขภาพสำหรับกิจการหอพัก โรงไฟฟ้าชีวมวล ฟาร์มสุกร โครงการพัฒนาแหล่งน้ำ เป็นต้น ซึ่งกรมอนามัยได้นำองค์ความรู้ที่ได้เข้าไปบรรจุอยู่ในหลักสูตรการอบรมท้องถิ่นในปีงบประมาณ 2554ด้วยแล้ว
"สำหรับในปี 2554 นี้ กรมอนามัยตั้งเป้าดำเนินการอบรมให้ความรู้บุคลากรขององค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น (ระดับเทศบาล) จำนวน 300 แห่ง โดยดำเนินการในภาคเหนือ ณ จังหวัดเชียงใหม่ ระหว่างวันที่ 22-24 กุมภาพันธ์ 2554 เป็นครั้งแรก ครั้งที่ 2 จัดอบรมในภาคกลาง ณ กรุงเทพมหานคร วันที่ 2-4 มีนาคม 2554 และครั้งที่ 3 ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ ณ จังหวัดขอนแก่น วันที่ 28-30 มีนาคม 2554 โดยคาดว่าการอบรมทั้ง 3 ครั้ง จะช่วยให้บุคลากรท้องถิ่นมีความรู้ ความเข้าใจที่พร้อมต่อการดำเนินงานด้านการประเมินผลกระทบต่อสุขภาพ และสามารถรองรับต่อการดำเนินงานตามรัฐธรรมนูญมาตรา 67 วรรคสอง อันจะช่วยลดความขัดแย้งต่าง ๆ ในชุมชน ทั้งเรื่องกิจกรรมหรือโครงการด้านการพัฒนากับการอนุรักษ์สิ่งแวดล้อมและสุขภาพของประชาชน โดยมีเป้าหมายสูงสุดคือการป้องกันและดูแลรักษาสุขภาพของประชาชนให้มีสุขภาพดีอย่างยั่งยืน? อธิบดีกรมอนามัย กล่าวในที่สุด
ฝ่ายประชาสัมพันธ์ / 22 กุมภาพันธ์ 2554