กรมอนามัย สร้างคู่หูบัดดี้โรงเรียนดูแลช่องปาก หลังพบเด็กไทยฟันผุร้อยละ 56
กรมอนามัย กระทรวงสาธารณสุข มอบรางวัลคู่หูโรงเรียนส่งเสริมทันตสุขภาพ หวังสร้างบัดดี้ดูแลสุขภาพ ช่องปากลดปัญหาฟันผุในเด็กไทย หลังการสำรวจในปี 2552 พบเด็กอายุ 12 ปี ฟันผุร้อยละ 56 กินขนมวันละ 3-5 ครั้ง และยังแปรงฟันไม่สะอาด
วันนี้ (1 กุมภาพันธ์ 2554) ดร.นพ.สมยศ ดีรัศมี อธิบดีกรมอนามัย เปิดเผยภายหลังเป็นประธานมอบโล่รางวัลคู่หูโรงเรียนส่งเสริมทันตสุขภาพระดับเขต และ CUP ดีเด่น ในการประชุมเวทีแลกเปลี่ยนเรียนรู้การดำเนินงานโครงการคู่หูโรงเรียนส่งเสริมทันตสุขภาพ ณ โรงแรมเอเชีย แอร์พอร์ต จังหวัดปทุมธานี ว่า จากการสำรวจสภาวะ ทันตสุขภาพปี 2552 พบว่า เด็กอายุ 12 ปี เป็นโรคฟันผุร้อยละ 56 ค่าเฉลี่ยฟันผุ ถอน อุด 1.7 ซี่/คน สาเหตุหนึ่ง เกิดจากพฤติกรรมการบริโภค เด็กจะนิยมกินอาหารหรือขนมที่หาซื้อได้ง่าย เช่น น้ำอัดลม ขนมกรุบกรอบ ซึ่งพบว่าเด็กไทยกินขนมมากขึ้นโดยกินขนมวันละ 3-5 ครั้ง จ่ายค่าขนมเฉลี่ยวันละ 13 บาท และขนมที่เด็กกินนั้น มีแป้งและน้ำตาลเป็นส่วนผสมถึงร้อยละ 80 แต่ไม่รู้ว่ามีผลเสียทำให้ฟันผุ อีกทั้งการแปรงฟันยังไม่สะอาดเพียงพอที่จะป้องกันการเกิดโรคได้ เนื่องจากความสามารถในการแปรงฟันด้วยตนเองของเด็กเล็กยังไม่มีประสิทธิภาพ ต้องอาศัยผู้ปกครองช่วยแปรงฟันให้ซึ่งพบว่ามีเพียงร้อยละ 36 เท่านั้น ส่วนเด็กโตมักจะละเลยการทำความสะอาดช่องปากตนเอง ปัญหาฟันผุในเด็กนอกจากจะก่อให้เกิดความเจ็บปวด มีการติดเชื้อ และมีปัญหาการบดเคี้ยวอาหาร ยังมีผลต่อน้ำหนัก การเจริญเติบโต และต่อบุคลิกภาพของเด็กอีกด้วย ที่สำคัญคือ กระทบต่อการเรียน ทำให้เด็กหยุดเรียนเพราะปวดฟันสูงถึงปีละ 515,000 คน นอกจากนี้ปัญหาฟันผุยังนำไปสู่การสูญเสียฟันตั้งแต่วัยเด็กและสะสม จนกลายเป็นการสูญเสียฟันทั้งปาก ซึ่งจะทำให้เกิดปัญหาในวัยสูงอายุตามมา
ดร.นพ.สมยศ กล่าวต่อไปว่า เนื่องจากเด็กกลุ่มนี้จะอยู่ในโรงเรียน จำเป็นต้องมีการสร้างพฤติกรรมสุขภาพ ช่องปากที่ดีอย่างต่อเนื่อง ในปีงบประมาณ 2553 ที่ผ่านมา กรมอนามัยได้มอบโล่รางวัลให้คู่หูโรงเรียนส่งเสริม ทันตสุขภาพที่ชนะการประกวดในปี 2552 ขึ้น โดยมีโรงเรียนที่ชนะการประกวดและรับมอบโล่จำนวน 64 โรงเรียน ซึ่งเป้าหมายหลักในการดำเนินงานเพื่อให้แต่ละโรงเรียนจับคู่แลกเปลี่ยนเรียนรู้ พัฒนาและปรับปรุงกิจกรรมส่งเสริม ทันตสุขภาพในโรงเรียน สนับสนุนให้เด็กนักเรียนรู้จักการแปรงฟันตนเองหลังอาหารกลางวันด้วยยาสีฟันผสมฟลูออไรด์ในโรงเรียนทุกวันโดยไม่ต้องเตือน สามารถแปรงฟันได้อย่างสะอาด ควบคุมการกินอาหารและขนมที่เป็นอันตรายต่อสุขภาพ และพัฒนาเป็นโรงเรียนปลอดน้ำอัดลมและขนมถุงกรุบกรอบ ควบคู่กับการจัดกิจกรรมรณรงค์อย่างสม่ำเสมอเพื่อกระตุ้นสร้างจิตสำนึกของการดูแลรักษาสุขภาพช่องปากและฟัน
"สำหรับในปีงบประมาณ 2554 นี้ กรมอนามัยได้จัดพิธีมอบโล่รางวัลให้โรงเรียนส่งเสริมทันตสุขภาพที่ชนะการประกวดในปี 2553 ขึ้น ซึ่งประกวดใน 3 หมวดกิจกรรมสำคัญ คือ การจัดกิจกรรมการเรียนรู้เรื่องทันตสุขภาพ การควบคุมดูแลการบริโภคอาหาร /ขนม ที่เป็นอันตรายต่อทันตสุขภาพของเด็กนักเรียนและการจัดกิจกรรมแปรงฟันหลังอาหารกลางวันทุกวันด้วยยาสีฟันผสมฟลูออไรด์ โดยมีโรงเรียนที่ได้รับมอบโล่รางวัลชนะเลิศระดับเขตในครั้งนี้จำนวน 60 โรงเรียน และภายในงานยังได้มีการมอบรางวัล CUP ดีเด่นในงานส่งเสริมสุขภาพช่องปากภายใต้โครงการโรงพยาบาลสายใยรักแห่งครอบครัว ซึ่งส่งเสริมให้ทันตบุคลากรให้ความสำคัญต่อการดูแลทันตสุขภาพในกลุ่ม หญิงตั้งครรภ์และเด็กก่อนวัยเรียน โดยมีโรงพยาบาลได้รับรางวัลที่ 1 , 2 และ 3 รวมทั้งสิ้น 36 แห่ง? ดร.นพ.สมยศ กล่าว
อธิบดีกรมอนามัย กล่าวในตอนท้ายว่า ความสำเร็จของทุกโรงเรียนที่ได้รับรางวัล ถือเป็นความร่วมมือกันระหว่างฝ่ายการศึกษาและฝ่ายสาธารณสุข ที่มีเป้าหมายชัดเจนเพื่อสร้างให้เด็กมีทันตสุขภาพในช่องปากที่เหมาะสม โดยเด็กนักเรียนที่เข้าร่วมโครงการไม่เพียงแต่จะมีความรู้ ความเข้าใจต่อการมีพฤติกรรมสุขภาพช่องปากที่ดีเท่านั้น แต่เด็กยังได้ฝึกคิด ฝึกวิเคราะห์ มีทักษะการแก้ปัญหา รู้จักช่วยเหลือผู้อื่น เพื่อเป็นเยาวชนที่เก่ง ดี มีสุข สามารถนำความรู้จากการเข้าร่วมโครงการไปถ่ายทอดให้กับสมาชิกภายในครอบครัว พร้อมสนับสนุนพ่อแม่ผู้ปกครองให้เด็ก แปรงฟันด้วยยาสีฟันผสมฟลูออไรด์อย่างน้อย 2 ครั้งต่อวันในตอนเช้าและก่อนนอน เป็นการขยายเครือข่ายพฤติกรรมทันตสุขภาพให้เกิดขึ้นในวงกว้าง ส่วนโรงเรียนที่ได้รับรางวัลยังสามารถนำผลการดำเนินงานเป็นกรณีศึกษาให้กับโรงเรียนต่าง ๆ ได้เรียนรู้และนำแนวทางการดำเนินงานคู่หูโรงเรียนส่งเสริมทันตสุขภาพไปปรับใช้ให้เกิดประโยชน์ต่อเด็กนักเรียนได้อย่างมีคุณภาพต่อไป
กลุ่มสื่อสารองค์กร / 1 กุมภาพันธ์ 2554