กรมอนามัย กระทรวงสาธารณสุข ให้ความสำคัญกับการเลือกซื้ออาหารปลอดภัยในช่วงวันสารทจีน แนะประชาชนเลือกซื้อเป็ด-ไก่ ต้องสดใหม่ และเน้นอาหารปรุงสุก สะอาด ลดปัจจัยเสี่ยงก่อโรค
ดร.นพ.พรเทพ ศิริวนารังสรรค์ อธิบดีกรมอนามัย เปิดเผยว่า ในวันสารทจีน ชาวไทยเชื้อสายจีนจะมีพิธีไหว้บรรพบุรุษและไหว้เจ้าทำให้มีการจับจ่ายซื้ออาหารสำหรับไหว้และนำไปบริโภคจำนวนมาก การเฝ้าระวังเรื่องของความปลอดภัยด้านอาหารจึงเป็นสิ่งสำคัญ หากไม่ระมัดระวังอาจได้อาหารที่ไม่มีคุณภาพและอันตรายต่อการบริโภค ซึ่งจากรายงานสถานการณ์โรคที่ต้องเฝ้าระวังทางระบาดวิทยา สำนักระบาดวิทยา กรมควบคุมโรค พบว่า ในปี 2556 มีผู้ป่วยโรคอุจจาระร่วงเฉียบพลัน จำนวน 1,135,060 ราย มีผู้เสียชีวิต 13 ราย ขณะที่ผู้ป่วยโรคอาหารเป็นพิษจำนวน 131,870 ราย สาเหตุส่วนใหญ่เกิดจากการบริโภคอาหารไม่ถูกสุขลักษณะ การบริโภคอาหารสุกๆ ดิบๆ และการมีสุขาภิบาลในสถานที่เตรียม ปรุง และจำหน่ายอาหารไม่ถูกสุขลักษณะ
ดร.นพ.พรเทพ กล่าวต่อว่า การเลือกซื้ออาหารเซ่นไหว้ให้ปลอดภัย ควรเลือกซื้ออาหารจากร้านค้า ตลาด หรือแหล่งจำหน่ายที่สะอาดมีสุขลักษณะที่ดี ได้รับการรับรองมาตรฐานจากหน่วยงานราชการ เช่น ตลาดสดที่มีป้ายสัญลักษณ์ ตลาดสดน่าซื้อ ของกรมอนามัยการเลือกซื้อสัตว์ปีก เช่น เป็ด ไก่ ต้องสดใหม่ ไม่มีสีคล้ำ ผิวหนังหรือเครื่องในไม่มีจ้ำเลือด ไม่มีการทาสีตามตัว ไม่มีกลิ่นเหม็น หมูต้องมีสีแดงตามธรรมชาติ เมื่อกดดูเนื้อไม่กระด้าง ไม่มีเม็ดสาคูหรือตัวอ่อนของพยาธิตัวตืด ไข่ไก่และไข่เป็ดควรเลือกฟองที่สดใหม่ เปลือกไข่ไม่แตกหรือบุบร้าว ไม่มีมูลไก่หรือเป็ดติดอยู่ที่เปลือก ส่วนเจ้าของฟาร์มหรือผู้จำหน่ายสัตว์ปีก หากสัตว์ที่เลี้ยงไว้มีอาการป่วย เช่น หงอย ซึม ผิวหนังมีสีคล้ำ มีจุดเลือดออกตามหน้าแข้ง ให้สงสัยว่าเป็นโรคได้ และห้ามนำมาชำแหละขายเด็ดขาด สำหรับผู้ชำแหละไก่หรือ สัตว์ปีกอื่น ควรใช้อุปกรณ์ป้องกันร่างกาย เช่น พลาสติกหรือผ้ากันเปื้อน ผ้าปิดปาก จมูก ถุงมือ แว่นตา และต้องนำไปซักให้สะอาด ผึ่งกลางแดดให้แห้งก่อนนำมาใช้อีกครั้ง
"วัตถุดิบต่างๆ ก่อนปรุงควรนำมาล้างให้สะอาด ผักและผลไม้ก่อนนำมาปรุงต้องล้างด้วยน้ำสะอาด 2-3 ครั้ง สำหรับผักบางชนิด เช่น คะน้า กะหล่ำ ถั่วฝักยาว หากมีคราบขาวจับที่กาบใบหรือฝักมากเกินไปให้ล้างน้ำหลายๆ ครั้ง และคลี่ใบถูหรือล้างด้วยการเปิดน้ำไหลผ่านผักสดอย่างน้อย 2 นาที ส่วนผู้สัมผัสอาหารจะต้องแต่งกายสะอาด สวมเสื้อมีแขน ใส่ผ้ากันเปื้อน หมวกคลุมผม ล้างมือให้สะอาดด้วยน้ำสบู่ก่อนปรุงอาหารและหลังใช้ห้องน้ำห้องส้วมหรือสัมผัสสิ่งสกปรก ใช้อุปกรณ์ในการหยิบจับหรือตักอาหารที่ปรุงเสร็จแล้ว ใช้ช้อมชิมเฉพาะในการชิมอาหาร? อธิบดีกรมอนามัย กล่าว
อธิบดีกรมอนามัย กล่าวในตอนท้ายว่า การปรุงประกอบอาหาร โดยเฉพาะเนื้อสัตว์ต้องปรุงให้สุกทั่วทั้งชิ้น ด้วยอุณหภูมิไม่ต่ำกว่า 70 องศาเซลเซียส เพื่อเป็นการทำลายเชื้อโรคประเภทแบคทีเรีย ไวรัส พยาธิใบไม้ในตับ พยาธิตัวตืดที่อยู่ในเนื้อสัตว์ และก่อนนำมารับประทานควรอุ่นให้สุกอีกครั้ง สำหรับการเก็บรักษาวัตถุดิบ ประเภทไก่ หมู จะต้องเก็บในภาชนะที่สะอาดแยกเป็นสัดส่วนเฉพาะ และต้องเก็บไว้ในอุณหภูมิต่ำกว่า 5 องศาเซลเซียส ควรเลี่ยงอาหารประเภททอดด้วยน้ำมันมากเกินไป ลดอาหาร หวาน มัน เค็ม เลือกใช้เครื่องปรุงรส เช่น ซีอิ๊ว น้ำตาล น้ำปลาที่มีเครื่องหมาย อย. หรือ มอก.รับรอง ส่วนผู้ที่นิยมรับประทานขนมเซ่นไหว้ เช่น ขนมเข่ง ขนมเทียน ซึ่งมีส่วนประกอบหลักเป็นแป้งและน้ำตาล จะต้องจำกัดปริมาณในการรับประทาน เพื่อไม่ให้ร่างกายได้รับพลังงานมากเกินไปด้วย
***
สำนักสื่อสารและตอบโต้ความเสี่ยง/26สิงหาคม 2558