รมอนามัย คัด 8 ทีม เฟ้นหาเชฟมือทองรอบ 2 หนุนนโยบายลดอ้วน ลดพุง
กรมอนามัย พร้อมให้ข้อมูลข่าวสารที่มีประโยชน์สำหรับคุณ
กรมอนามัย คัด 8 ทีม เฟ้นหาเชฟมือทองรอบ 2 หนุนนโยบายลดอ้วน ลดพุง
กรมอนามัย กระทรวงสาธารณสุข จัดแข่งขัน ?ยำเพื่อสุขภาพ? รอบคัดเลือกรอบที่ 2 โดยมี 8 ทีมเข้าร่วมแข่งขัน ย้ำองค์กรต้นแบบในการลดน้ำหนักตามนโยบายลดอ้วน ลดพุง
วันนี้ (19 ธันวาคม 2551) นายแพทย์ณรงค์ศักดิ์ อังคะสุวพลา อธิบดีกรมอนามัย เปิดเผยถึงการแข่งขันเมนูชูสุขภาพสู่กรมอนามัยไร้พุง ณ โรงอาหารกรมอนามัย ว่า การแข่งขันเมนูชูสุขภาพขณะนี้เป็นการแข่งขันรอบคัดเลือกรอบที่ 2 โดยมีทีมเข้าแข่งขันทั้งสิ้น 8 ทีม ประกอบด้วย สำนักส่งเสริมสุขภาพ สำนักอนามัยสิ่งแวดล้อม กองอนามัยการเจริญพันธุ์ กองสุขาภิบาลอาหารและน้ำ กองคลัง กองแผนงาน กลุ่มพัฒนาระบบบริหาร ศูนย์บริหารกฎหมายสาธารณสุข ซึ่งหัวข้อการแข่งขันจะเป็นอาหารประเภทย้ำ ซึ่งเป็นเมนูชูสุขภาพ เพราะอาหารประเภทยำ จะมีส่วนประกอบของผักเป็นส่วนมาก ซึ่งผักเป็นแหล่งสำคัญของวิตามินและแร่ธาตุรวมทั้งสารอื่นๆ ที่มีความจำเป็นต่อร่างกาย ผักยังให้ใยอาหารที่ช่วยในการขับถ่าย และนำโคเลสเตอรอลและสารพิษที่ก่อโรคมะเร็งบางชนิดออกจากร่างกาย ทำให้ลดการสะสมสารพิษในร่างกาย โดยสารอาหารกลุ่มนี้มีวิตามินซีมาก ซึ่งมีหน้าที่ที่สำคัญในการทำให้เซลล์ผิวหนัง กระดูกอ่อน เอ็น กล้ามเนื้อ ผนังเส้นเลือด และโครงสร้างภายในกระดูกและฟันแข็งแรง และการที่จะได้รับใยอาหารให้เพียงพอ ควรได้รับผักประมาณ 2 ทัพพีต่อมื้อ ซึ่งมีผลต่อการขับถ่าย เพราะมีคุณสมบัติอุ้มน้ำ ทำให้อุจจาระอ่อน ขับถ่ายดี ท้องไม่ผูก ไม่เป็นโรคริดสีดวงทวาร และมะเร็งลำไส้ใหญ่
นายแพทย์ณรงค์ศักดิ์ กล่าวต่อไปว่า การเลือกกินอาหารที่เป็นเมนูชูสุขภาพ นอกจากจะให้สารอาหารที่ร่างกายต้องการในปริมาณที่เหมาะสมแล้วนั้น เมนูชูสุขภาพยังได้มีการกำหนดมาตรฐาน 4 ด้านสำคัญ ได้แก่ 1). ปรุงจากอาหารอย่างน้อย 4 หมู่ ถ้ากินผลไม้ด้วยก็จะได้ครบ 5 หมู่ 2). มีปริมาณไขมันไม่เกินร้อยละ 25-30 ของการกระจายตัวของพลังงานในอาหารทั้งหมด 3). ปรุงด้วยอาหารที่สด สะอาด ปลอดภัยจากสารพิษ ปนเปื้อน และ 4). รสไม่หวานและเค็มจัด อันจะส่งผลดีในเรื่องการควบคุมน้ำหนักตัวไม่ให้เสี่ยงต่อการเกิดโรคอ้วนด้วย
?ทั้งนี้ อาหารประเภทยำ ถือเป็นอีกหนึ่งเมนูที่เหมาะสำหรับ ผู้ที่ต้องการลดน้ำหนัก ตามนโยบายลดอ้วน ลดพุง ของกรมอนามัยที่ส่งเสริมให้ประชาชนเลือกกินอาหารที่เป็นเมนูชูสุขภาพ อันจะช่วยลดโรคเรื้อรังทางโภชนาการ โดยเฉพาะโรคอ้วน ซึ่งนับเป็นปัญหาสาธารณสุขที่คุกคามสุขภาพของคนไทย นอกจากนี้ ผู้ปรุง ก็ควรคำนึงถึงความสะอาด ปลอดภัย และสุขอนามัยของผู้บริโภคเป็นหลัก ไม่ว่าจะเป็นการเลือกภาชนะใส่อาหารที่สะอาด อุปกรณ์เครื่องใช้ที่มีการปกปิดอย่างมิดชิด รวมทั้งควรล้างผักด้วยน้ำสะอาด 2-3 ครั้ง เพื่อเป็นการชะล้างคราบฝุ่น หรืออาจแช่น้ำปูนใสนาน 10 นาที แล้วล้างด้วยน้ำสะอาดอีกครั้ง ก่อนจะนำไปปรุงประกอบอาหารเพื่อบริโภคต่อไป? อธิบดีกรมอนามัย กล่าวในที่สุด
***
ฝ่ายประชาสัมพันธ์ สำนักงานเลขานุการกรมอนามัย / 19 ธันวาคม 2551