กรมอนามัย พร้อมให้ข้อมูลข่าวสารที่มีประโยชน์สำหรับคุณ
กรมอนามัย กระทรวงสาธารณสุข ร่วมกับองค์การทุนเพื่อเด็กแห่งสหประชาชาติประเทศไทย (UNICEF) และองค์การอนามัยแห่งประเทศไทย (WHO) เผยประกาศกระทรวงสาธารณสุขหลักเกณฑ์ว่าด้วยการตลาดอาหารสำหรับทารกและเด็กเล็กและผลิตภัณฑ์ที่เกี่ยวข้อง พ.ศ.2551 ปกป้องการเลี้ยงลูกด้วยนมแม่
วันนี้ (21 พฤศจิกายน 2551) นายแพทย์โสภณ เมฆธน รองอธิบดีกรมอนามัย เปิดเผยภายหลังเป็นประธานแถลงข่าวประกาศกระทรวงสาธารณสุขหลักเกณฑ์ว่าด้วยการตลาดอาหารสำหรับทารกและเด็กเล็กและผลิตภัณฑ์ที่เกี่ยวข้อง พ.ศ.2551 ร่วมกับ Mr.Tomoo Hozumi ผู้แทนองค์การทุนเพื่อเด็กแห่งสหประชาชาติ (UNICEF Thailand) และ ดร.อดิศักดิ์ สัตย์ธรรม ผู้แทนองค์การอนามัยโลกแห่งประเทศไทย (WHO Thailand) ณ ห้องประชุมแวนดา ชั้น 3 ตึกคอนเวนชั่น โรงแรมรามาการ์เด้นส์ ว่า นับจากการประชุมสมัชชนาสาธารณสุขโลกในปี 1981 ที่ประชุมได้มีการลงนามรับรองหลักเกณฑ์สากลว่าด้วยการตลาดอาหารทดแทนนมแม่ (International Code of Breastmilk Substitutes) ผูกพันให้ประเทศสมาชิก จำนวน 118 ประเทศ นำไปปรับใช้เป็นเกณฑ์ขั้นต่ำในการปกป้องทารกให้ได้กินนมแม่ ประเทศไทยโดยกรมอนามัย กระทรวงสาธารณสุข ได้เริ่มนำมาปรับใช้ตั้งแต่ปี พ.ศ. 2524 และมีการปรับปรุงเป็นระยะในปี พ.ศ. 2527 และ พ.ศ. 2538 ตามลำดับ ตามสถานการณ์การเลี้ยงลูกด้วยนมแม่ของประเทศไทย ซึ่งจะส่งผลต่อการเจริญเติบโตและพัฒนาการของเด็กและสร้างความสัมพันธ์ที่ดีในครอบครัว อันจะเป็นประโยชน์ต่อการพัฒนาชาติ
นายแพทย์โสภณ กล่าวต่อไปว่า องค์การอนามัยโลกและประเทศสมาชิกจึงได้ประกาศใช้หลักเกณฑ์ว่าด้วยการตลาดอาหารสำหรับทารกและผลิตภัณฑ์ที่เกี่ยวข้อง (Code นม) เพื่อปกป้องการเลี้ยงลูกด้วยนมแม่ โดยแนะนำให้ทารกกินนมแม่อย่างเดียว 6 เดือน และกินควบคู่กับอาหารที่เหมาะสมตามวัยจนอายุ 2 ปี หรือมากกว่า และจากการสำรวจสถานการณ์การเลี้ยงลูกด้วยนมแม่ของประเทศไทย โดยองค์การยูนิเซฟ ในปี ค.ศ. 2005 พบว่า อัตราการเลี้ยงลูกด้วยนมแม่อย่างเดียว 6 เดือนมีเพียงร้อยละ 5.4 ซึ่งต่ำเป็นอันดับที่ 3 ก่อนสุดท้ายของโลก และจากการศึกษาที่ยอมรับกันทั่วไปยังพบว่า ทารกที่ได้รับการเลี้ยงลูกด้วยนมแม่อย่างเดียว 6 เดือน จะมีระดับสติปัญญาดีกว่าทารกที่ไม่ได้รับการเลี้ยงลูกด้วยนมแม่สูงถึง 2-11 จุด นอกจากนี้ จากการสำรวจสถานการณ์พัฒนาการเด็กไทย พบว่า เด็กแรกเกิด ? 5 ปี มีพัฒนาการสมวัยลดลงจากร้อยละ 72 ในปี พ.ศ. 2542 เหลือเพียงร้อยละ 67 ในปี พ.ศ. 2550 และจากการตรวจติดตามการละเมิดหลักเกณฑ์ว่าด้วยการตลาดโดยกรมอนามัย พ.ศ. 2546 พบว่า ร้อยละ 8.4 แม่ได้รับการติดต่อจากผู้แทนจำหน่ายผลิตภัณฑ์นม และสถานที่ที่แม่ได้รับการติดต่อส่วนใหญ่ร้อยละ 69.4 คือ สถานบริการสาธารณสุข
รองอธิบดีกรมอนามัย กล่าวในตอนท้ายว่า ขณะนี้กระทรวงสาธารณสุขโดยกรมอนามัยได้ขอความร่วมมือ เจ้าหน้าที่สาธารณสุขให้ปฏิบัติตาม Code นมนี้ ร่วมกับการส่งเสริมและสนับสนุนการเลี้ยงลูกด้วยนมแม่อย่างเดียว 6 เดือน เพื่อสนองปณิธาน พระเจ้าวรวงศ์เธอ พระองค์เจ้าศรีรัศมิ์ พระวรชายาในสมเด็จพระบรมโอรสาธิราช สยามมกุฏราชกุมาร เพราะจากการศึกษาที่ยอมรับกันโดยทั่วไป พบว่า ทารกที่ได้รับการเลี้ยงลูกด้วยนมแม่อย่างเดียว 6 เดือน จะได้รับสารอาหารเพียงพอกับความต้องการของร่างกาย อันจะส่งผลต่อระดับสติปัญญาดีกว่าทารกที่ไม่ได้รับการเลี้ยงลูกด้วยนมแม่อย่างเดียว 6 เดือนด้วย
***
ฝ่ายประชาสัมพันธ์ สำนักงานเลขานุการกรมอนามัย/ 21 พฤศจิกายน 2551