ข่า
วแจก"กรมอนามัย ชี้ พ.ร.บ.ควบคุมการส่งเสริมการตลาดอาหารทารกฯ ปกป้องสิทธิแม่รับข้อมูลโภชนาการที่ถูกต้องเพื่อคุ้มครองลูกได้กินอาหารที่ดีที่สุด"
กรมอนามัย พร้อมให้ข้อมูลข่าวสารที่มีประโยชน์สำหรับคุณ
30
พฤศจิกายน
2559
ข่าวแจก"กรมอนามัย ชี้ พ.ร.บ.ควบคุมการส่งเสริมการตลาดอาหารทารกฯ ปกป้องสิทธิแม่รับข้อมูลโภชนาการที่ถูกต้องเพื่อคุ้มครองลูกได้กินอาหารที่ดีที่สุด"
กรมอนามัย กระทรวงสาธารณสุข ชี้ พระราชบัญญัติควบคุมการส่งเสริมการตลาดอาหารสำหรับทารกและเด็กเล็กพ.ศ.... ปกป้องสิทธิของแม่ในการรับรู้ข้อมูลโภชนาการที่ถูกต้องสำหรับลูกจากบุคลากรทางการแพทย์และสาธารณสุข เพื่อคุ้มครองลูกให้ได้กินนมแม่อย่างน้อย 6 เดือนหลังคลอด ส่งผลต่อสุขภาพเด็ก เศรษฐกิจครัวเรือนและประเทศ
นายแพทย์ธงชัย เลิศวิไลรัตนพงศ์ รองอธิบดีกรมอนามัย เปิดเผยว่า จากผลสำรวจอัตราการเลี้ยงลูกด้วยนมแม่อย่างเดียว 6 เดือนของไทย ล่าสุดในปี 2554 อยู่ที่ร้อยละ 12.3 ติดอันดับ กลุ่มประเทศที่มีอัตราการเลี้ยงลูกด้วยนมแม่อย่างเดียว 6 เดือนน้อยที่สุดของเอเชีย สาเหตุสำคัญมาจากสิทธิการลาคลอด ความรู้และทัศนคติที่ถูกต้องเกี่ยวกับการเลี้ยงลูกด้วยนมแม่ รวมทั้งอิทธิพลจากการส่งเสริมการตลาดของผลิตภัณฑ์นมผง ซึ่งที่ผ่านมามีการโฆษณาตามสื่อช่องทางต่างๆ เพื่ออวดอ้างสรรพคุณ โน้มน้าว จูงใจว่านมผงช่วยให้เด็กฉลาด แข็งแรง ส่งผลให้แม่ส่วนหนึ่งพลาดโอกาสทองเลี้ยงลูกด้วยนมแม่ โดยเฉพาะช่วง 2 ปีแรก ซึ่งเป็นช่วงที่สมองกำลังพัฒนาสูงสุด กรมอนามัยและภาคีเครือข่ายจึงผลักดันให้มีร่างพระราชบัญญัติควบคุมการส่งเสริมการตลาดอาหารสำหรับทารกและเด็กเล็กพ.ศ.... เพื่อมุ่งเน้นคุ้มครองผู้บริโภคในกลุ่มทารกและเด็กเล็ก ซึ่งเป็นกลุ่มเปราะบาง โดยควบคุมแนวทางการส่งเสริมการตลาดของผลิตภัณฑ์นมผงที่ใช้สำหรับทารกและเด็กเล็กได้แก่การโฆษณา การติดต่อกับแม่เพื่อโน้มน้าวให้ใช้ผลิตภัณฑ์ ที่สำคัญคือ ควบคุมเรื่องการให้ข้อมูลว่าต้องเป็นความจริง ไม่มีการโอ้อวดเหมือนที่ผ่านมา
นายแพทย์ธงชัย กล่าวต่อไปว่า ร่าง พ.ร.บ.ควบคุมการส่งเสริมการตลาดอาหารสำหรับทารกและเด็กเล็ก พ.ศ.... ไม่ได้ห้ามการขายนมผง เด็กที่จำเป็นต้องใช้ยังสามารถหาซื้อได้ตามปกติ ทั้งตามร้านค้า ร้านขายยาและห้างสรรพสินค้า อีกทั้ง ไม่ได้ออกมาเพื่อบังคับว่าเด็กทุกคนจะต้องกินนมแม่ถึง 3 ปีและไม่ได้ห้ามแพทย์แนะนำการใช้นมผงแก่แม่และผู้ปกครองของเด็กที่มีความจำเป็นต้องได้รับอาหารอื่นนอกจากนมแม่ แต่ร่างพ.ร.บ.นี้มุ่งเน้นควบคุมวิธีการส่งเสริมการตลาดของผลิตภัณฑ์นมของทารกและเด็กเล็ก 0 ? 3 ปี โดยห้ามโฆษณาโอ้อวดเกินความจริงตามสื่อต่างๆ อาทิ โทรทัศน์ วิทยุ นิตยสาร หรืออินเตอร์เน็ต เป็นต้น ห้ามการติดต่อกับแม่ เช่น การให้ Call Center โทรศัพท์ไปหาแม่หลังคลอด หรือการจัดอีเวนท์ต่างๆ เป็นต้น เพราะวิธีการเหล่านี้มีผลต่อการรับรู้และการตัดสินใจของแม่ ซึ่งร่างพ.ร.บ.ควบคุมการส่งเสริมการตลาดอาหารสำหรับทารกฯ ต้องการให้แม่และผู้ปกครองได้รับข้อมูลด้านโภชนาการเด็กที่ถูกต้องและเป็นจริงที่สุด และต้องการส่งเสริมให้แม่และครอบครัวได้รับข้อมูลจากแพทย์และบุคลากรสาธารณสุขแทนการได้ข้อมูลจากบริษัท
"ทั้งนี้ ผู้ที่จะได้รับประโยชน์มากที่สุดคือเป็นทารกและเด็กเล็กที่ต้องใช้นมผง เพราะแม่และครอบครัวจะได้รับข้อมูลที่ถูกต้องเกี่ยวกับนมผงมากขึ้น รวมทั้งอาจจะได้ซื้อนมผงราคาถูกลงในอนาคต เพราะบริษัทไม่ต้องนำค่าโฆษณามารวมในต้นทุนของนมผง? รองอธิบดีกรมอนามัย กล่าวในที่สุด
นายแพทย์ธงชัย เลิศวิไลรัตนพงศ์ รองอธิบดีกรมอนามัย เปิดเผยว่า จากผลสำรวจอัตราการเลี้ยงลูกด้วยนมแม่อย่างเดียว 6 เดือนของไทย ล่าสุดในปี 2554 อยู่ที่ร้อยละ 12.3 ติดอันดับ กลุ่มประเทศที่มีอัตราการเลี้ยงลูกด้วยนมแม่อย่างเดียว 6 เดือนน้อยที่สุดของเอเชีย สาเหตุสำคัญมาจากสิทธิการลาคลอด ความรู้และทัศนคติที่ถูกต้องเกี่ยวกับการเลี้ยงลูกด้วยนมแม่ รวมทั้งอิทธิพลจากการส่งเสริมการตลาดของผลิตภัณฑ์นมผง ซึ่งที่ผ่านมามีการโฆษณาตามสื่อช่องทางต่างๆ เพื่ออวดอ้างสรรพคุณ โน้มน้าว จูงใจว่านมผงช่วยให้เด็กฉลาด แข็งแรง ส่งผลให้แม่ส่วนหนึ่งพลาดโอกาสทองเลี้ยงลูกด้วยนมแม่ โดยเฉพาะช่วง 2 ปีแรก ซึ่งเป็นช่วงที่สมองกำลังพัฒนาสูงสุด กรมอนามัยและภาคีเครือข่ายจึงผลักดันให้มีร่างพระราชบัญญัติควบคุมการส่งเสริมการตลาดอาหารสำหรับทารกและเด็กเล็กพ.ศ.... เพื่อมุ่งเน้นคุ้มครองผู้บริโภคในกลุ่มทารกและเด็กเล็ก ซึ่งเป็นกลุ่มเปราะบาง โดยควบคุมแนวทางการส่งเสริมการตลาดของผลิตภัณฑ์นมผงที่ใช้สำหรับทารกและเด็กเล็กได้แก่การโฆษณา การติดต่อกับแม่เพื่อโน้มน้าวให้ใช้ผลิตภัณฑ์ ที่สำคัญคือ ควบคุมเรื่องการให้ข้อมูลว่าต้องเป็นความจริง ไม่มีการโอ้อวดเหมือนที่ผ่านมา
นายแพทย์ธงชัย กล่าวต่อไปว่า ร่าง พ.ร.บ.ควบคุมการส่งเสริมการตลาดอาหารสำหรับทารกและเด็กเล็ก พ.ศ.... ไม่ได้ห้ามการขายนมผง เด็กที่จำเป็นต้องใช้ยังสามารถหาซื้อได้ตามปกติ ทั้งตามร้านค้า ร้านขายยาและห้างสรรพสินค้า อีกทั้ง ไม่ได้ออกมาเพื่อบังคับว่าเด็กทุกคนจะต้องกินนมแม่ถึง 3 ปีและไม่ได้ห้ามแพทย์แนะนำการใช้นมผงแก่แม่และผู้ปกครองของเด็กที่มีความจำเป็นต้องได้รับอาหารอื่นนอกจากนมแม่ แต่ร่างพ.ร.บ.นี้มุ่งเน้นควบคุมวิธีการส่งเสริมการตลาดของผลิตภัณฑ์นมของทารกและเด็กเล็ก 0 ? 3 ปี โดยห้ามโฆษณาโอ้อวดเกินความจริงตามสื่อต่างๆ อาทิ โทรทัศน์ วิทยุ นิตยสาร หรืออินเตอร์เน็ต เป็นต้น ห้ามการติดต่อกับแม่ เช่น การให้ Call Center โทรศัพท์ไปหาแม่หลังคลอด หรือการจัดอีเวนท์ต่างๆ เป็นต้น เพราะวิธีการเหล่านี้มีผลต่อการรับรู้และการตัดสินใจของแม่ ซึ่งร่างพ.ร.บ.ควบคุมการส่งเสริมการตลาดอาหารสำหรับทารกฯ ต้องการให้แม่และผู้ปกครองได้รับข้อมูลด้านโภชนาการเด็กที่ถูกต้องและเป็นจริงที่สุด และต้องการส่งเสริมให้แม่และครอบครัวได้รับข้อมูลจากแพทย์และบุคลากรสาธารณสุขแทนการได้ข้อมูลจากบริษัท
"ทั้งนี้ ผู้ที่จะได้รับประโยชน์มากที่สุดคือเป็นทารกและเด็กเล็กที่ต้องใช้นมผง เพราะแม่และครอบครัวจะได้รับข้อมูลที่ถูกต้องเกี่ยวกับนมผงมากขึ้น รวมทั้งอาจจะได้ซื้อนมผงราคาถูกลงในอนาคต เพราะบริษัทไม่ต้องนำค่าโฆษณามารวมในต้นทุนของนมผง? รองอธิบดีกรมอนามัย กล่าวในที่สุด
***
ศูนย์สื่อสารสาธารณะ / 30 พฤศจิกายน 2559