คุณกำลังมองหาอะไร?

ข่า

ข่าวแจก "กรมอนามัย เตือนคนป่วยเกาต์ เลี่ยงซุปไก่สกัด เหตุเสี่ยงรับกรดยูริกจากสารพิวริน"

กรมอนามัย พร้อมให้ข้อมูลข่าวสารที่มีประโยชน์สำหรับคุณ

17.01.2557
3
0
แชร์
17
มกราคม
2557

ข่าวแจก "กรมอนามัย เตือนคนป่วยเกาต์ เลี่ยงซุปไก่สกัด เหตุเสี่ยงรับกรดยูริกจากสารพิวริน"

 
 
 
        กรมอนามัย กระทรวงสาธารณสุข แนะผู้ป่วยโรคเกาต์ใส่ใจสุขภาพ เลี่ยงซุปไก่สกัดหวั่นได้รับสารยูริกจากสารพิวรินที่มีมากในสัตว์ปีกต้นเหตุของโรค โดยส่งเสริมการกินอาหารครบ 5 หมู่ ใน 3 มื้อ ควบผักผลไม้สด และหมั่นออกกำลังกายเป็นประจำเพื่อสุขภาพที่ดี 
        ดร.นพ.พรเทพ ศิริวนารังสรรค์ อธิบดีกรมอนามัย เปิดเผยว่า โรคเกาต์ เกิดจากการตกตะกอนของกรดยูริก ซึ่งเป็นสารชนิดหนึ่งที่ได้จากการย่อยสลายของสารพิวริน (purine) ที่มีมากในเนื้อสัตว์บางชนิด เช่น เนื้อสัตว์ปีก เครื่องในสัตว์ ปลาหมึก หอย ปู หรือปลาตัวเล็กที่กินทั้งกระดูก เช่น ปลาไส้ตัน ปลาซาดีนกระป๋อง รวมทั้งในผักประเภทยอดอ่อนด้วย เช่น เห็ด กระถิน ชะอม ใบขี้เหล็ก สะตอ เป็นต้น ตลอดจนถั่วเมล็ดแห้ง เช่น ถั่วเหลือง หากกินอาหารที่มี สารพิวรินมาก ร่างกายจะสร้างกรดยูริกขึ้นมาแต่ไม่สามารถขับออกได้หมดจึงมีการสะสมกรดยูริกส่วนเกินไว้ในร่างกาย แล้วตกตะกอนอยู่ตามข้อ ตามผนังหลอดเลือด ในไต อวัยวะต่าง ๆ ทำให้เป็น โรคเกาต์ขึ้นได้ ดร.นพ.พรเทพ กล่าวต่อไปว่า ผู้ป่วยโรคเกาต์ควรหลีกเลี่ยงกลุ่มอาหารที่มีปริมาณสารพิวรินสูงคือ จำพวก ซุปต่าง ๆ เช่น น้ำต้มกระดูก น้ำสกัดเนื้อ ซุปก้อน รวมทั้งซุปไก่สกัดที่มีโอกาสเสี่ยงต่อร่างกายที่จะได้รับปริมาณสาร พิวรินสูงเช่นกัน เนื่องจากกระบวนการผลิตซุปไก่สกัดในเชิงอุตสาหกรรมนั้นผลิตจากเนื้อและกระดูกไก่ผ่านกระบวนการสกัดที่อุณหภูมิและความดันสูง แล้วผ่านขั้นตอนการแยกไขมันจนได้เป็นน้าซุปไก่สกัดที่จำหน่ายในท้องตลาด
        "ทั้งนี้ การจำหน่ายซุปไก่สกัดในปัจจุบันมีให้เลือกทั้งแบบน้ำและแบบเม็ด ซึ่งจากการวิเคราะห์คุณค่าทางโภชนาการของซุปไก่สกัดโดยสถาบันโภชนาการ มหาวิทยาลัยมหิดล ระบุว่าซุปไก่สกัด 100 มิลลิลิตร จะประกอบด้วยน้ำ 93 กรัม โปรตีน 8 กรัม แคลเซียม เหล็ก และวิตามินอีกเล็กน้อย เมื่อเปรียบเทียบกับอาหารที่บริโภคเป็นประจำพบว่ามีปริมาณโปรตีนเท่ากับที่มีในไข่ไก่ครึ่งฟองหรือประมาณนมสดรสจืดครึ่งกล่อง ทำให้ร่างกายได้รับสารอาหารที่จำเป็นในการใช้แต่ละวันเพียงเล็กน้อย ไม่เพียงพอต่อการเจริญเติบโตของร่างกายและเสริมสร้างประสิทธิภาพการทำงานของสมอง?ดร.นพ.พรเทพ กล่าว
        อธิบดีกรมอนามัย กล่าวในตอนท้ายว่า เพื่อสุขภาพที่ดีควรกินอาหารให้ครบ 5 หมู่ ลดอาหารรสหวาน มัน เค็ม เพิ่มกินผักสดและผลไม้รสไม่หวานจัดเป็นประจำ หมั่นออกกำลังกายอย่างสม่ำเสมออย่างน้อยสัปดาห์ละ 5 วัน ๆ ละ 30 นาที พร้อมทั้งทำจิตใจให้แจ่มใส ไม่เครียด ก็จะส่งผลให้มีสุขภาพดีตามมาได้
 
***
สำนักสื่อสารและตอบโต้ความเสี่ยง/ 16 มกราคม 2557
 

กรมอนามัย
เรามีสาระสุขภาพดีๆ
ส่งตรงถึงคุณ
ทุกวัน