คุณกำลังมองหาอะไร?

ข่า

ข่าวแจก "สธ. วอนจัดเลี้ยงวันเด็กเลี่ยงขนมหวาน น้ำอัดลม หวังลดพฤติกรรมติดหวาน-ฟันผุ"

กรมอนามัย พร้อมให้ข้อมูลข่าวสารที่มีประโยชน์สำหรับคุณ

11.01.2555
0
0
แชร์
11
มกราคม
2555

ข่าวแจก "สธ. วอนจัดเลี้ยงวันเด็กเลี่ยงขนมหวาน น้ำอัดลม หวังลดพฤติกรรมติดหวาน-ฟันผุ"

                 กระทรวงสาธารณสุข ห่วงสุขภาพเด็กไทย ขอความร่วมมือโรงเรียน ผู้ปกครอง จัดงานเลี้ยงเลี่ยง ขนมหวาน น้ำอัดลม ลดพฤติกรรมเสี่ยงโรคอ้วน ฟันผุ แนะเพิ่มอาหารที่มีประโยชน์ต่อร่างกาย เพื่อสร้างพฤติกรรมการกินที่ไม่เหมาะสมและรักษาสุขภาพในช่องปากที่ดีให้กับเด็ก
                 นายต่อพงษ์ ไชยสาส์น รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงสาธารณสุข เปิดเผยว่า ทุกวันเสาร์ที่ 2 ของทุกปีเป็นวันเด็กแห่งชาติ แต่ละปีหน่วยงานต่าง ๆ จะมีการจัดเทศกาลวันเด็กเพื่อสร้างความสนุกสนานและจัดกิจกรรมสร้างการเรียนรู้ให้กับเด็ก รวมถึงการจัดงานเลี้ยงสังสรรค์ในวันเด็กอีกด้วย โดยส่วนใหญ่การจัดอาหารวันเด็กจะเน้นอาหารประเภทขนมกรุบกรอบ ขนมหวานและน้ำอัดลม ซึ่งอาหารเหล่านี้หากเด็กบริโภคมากเกินไปอาจส่งผลให้เกิดโรคต่าง ๆ ตามมาได้ เช่น โรคเบาหวาน โรคอ้วน โดยเฉพาะโรคฟันผุที่สามารถส่งผลได้ทันทีหากไม่มีการดูแลสุขภาพช่องปากที่เหมาะสม เนื่องจากน้ำตาลที่อยู่ในขนมหวานและน้ำอัดลมส่วนใหญ่เป็นน้ำตาลทรายหรือซูโครสที่ก่อให้เกิดอาการฟันผุได้มากที่สุด หากไม่มีการทำความสะอาดช่องปากและฟัน โรคฟันผุจะลุกลามจนเป็นรูถึงโพรงประสาทฟัน และต้องรีบพบทันตแพทย์เพื่ออุดฟันในที่สุด ซึ่งจากผลการสำรวจสภาวะทันตสุขภาพของประเทศไทยพบว่า เด็กอายุ 12 ปี เป็นโรคฟันผุถึงร้อยละ 56 มีค่าเฉลี่ยฟันผุ ถอน อุด 1.7 ซี่ต่อคน และฟันที่ผุ มากที่สุดคือฟันกรามซี่ที่ 1 และ 2 โดยเด็กส่วนใหญ่จะเริ่มฟันผุเมื่ออายุ 6-8 ปี มีสาเหตุจากการบริโภคแป้งและน้ำตาลของเด็กที่มากถึงร้อยละ 80.8
                 ดร.นพ.สมยศ ดีรัศมี อธิบดีกรมอนามัย กล่าวว่า น้ำอัดลมเป็นต้นเหตุที่ทำให้เกิดฟันกร่อนได้มากที่สุด เพราะน้ำอัดลมเป็นเครื่องดื่มที่มีส่วนประกอบคือน้ำตาลกับน้ำ โดยน้ำอัดลม 1 กระป๋อง (ขนาด 325 ซีซี.) มีปริมาณน้ำตาล 8-12 ช้อนชา ซึ่งจะเท่ากับน้ำตาลในลูกอม จำนวน 17 เม็ด ส่วนเยลลี่ 1 ถ้วยเล็กจะมีปริมาณน้ำตาล 26 กรัม หากกินรวมกันหลายอย่างอาจทำให้เด็กได้รับน้ำตาลมากเกินความต้องการของร่างกาย และเกินมาตรฐานที่องค์การอนามัยโลกกำหนดว่าร่างกายควรได้รับน้ำตาลไม่เกิน 24 กรัมต่อวัน หรือปริมาณ 6 ช้อนชา
                 ดร.นพ.สมยศ กล่าวต่อว่า การจัดเลี้ยงงานวันเด็กทั้งภายในโรงเรียนและครอบครัว จึงต้องให้ความสำคัญในเรื่องอาหารเพื่อป้องกันโรคฟันผุและโรคอ้วนตามมา โดยให้เลี่ยงอาหารประเภทขนมหวาน ลูกอม เยลลี่ น้ำหวานและน้ำอัดลม แต่ควรเพิ่มอาหารที่มีประโยชน์ครบ 5 หมู่ และดีต่อสุขภาพ เช่น อาหารที่ปรุงจากเนื้อสัตว์ที่มีไขมันต่ำ อาทิ เนื้อปลา เนื้อสัตว์ที่ไม่ติดมัน รวมทั้งผักและผลไม้ที่ให้สารอาหารจำพวกวิตามินและเกลือแร่ ให้มากขึ้น
               ทั้งนี้ หากไม่สามารถหลีกเลี่ยงอาหารดังกล่าวได้โรงเรียนและผู้ปกครองควรแนะนำวิธีการดูแลรักษาสุขภาพฟันสำหรับเด็กโดยใช้หลัก 2X4 คือ 1) ด้วยการแปรงฟันทุกวัน ๆ ละ 2 ครั้ง ตอนเช้าและก่อนนอน 2) บีบยาสีฟันยาว 2 เซนติเมตร 3) แปรงฟันนาน 2 นาที และ 4) 2 ชั่วโมงหลังแปรงฟันห้ามกินอาหารและดื่มน้ำ หากเกิดอาการปวดฟันหรือพบจุดดำเล็ก ๆ บนเนื้อฟันต้องรีบปรึกษาทันตแพทย์ทันที เพื่อทำการรักษาด้วยการ อุดฟันหรือถอนฟัน นอกจากนี้โรงเรียนและผู้ปกครองควรส่งเสริมและปลูกฝังให้เด็กมีพฤติกรรมการแปรงฟันที่ถูกต้อง ถ้าเป็นเด็กอายุต่ำกว่า 6 ขวบ ผู้ปกครองควรจะแปรงฟันให้เด็ก แต่ถ้าเป็นเด็กประถมศึกษาอายุต่ำกว่า 12 ปี ควรแปรงแบบถูไปมาแต่ต้องเลือกใช้แปรงขนนุ่ม หรือถ้าเด็กโตอายุ 12 ปีขึ้นไป ก็ให้แปรงแบบขยับปัดและต้องใช้แปรงขนนุ่มเช่นเดียวกัน? อธิบดีกรมอนามัย กล่าวในที่สุด
 
***
 
กลุ่มสื่อสารองค์กร / 11 มกราคม 2555
กระทรวงสาธารณสุข ห่วงสุขภาพเด็กไทย ขอความร่วมมือโรงเรียน ผู้ปกครอง จัดงานเลี้ยงเลี่ยง ขนมหวาน น้ำอัดลม ลดพฤติกรรมเสี่ยงโรคอ้วน ฟันผุ แนะเพิ่มอาหารที่มีประโยชน์ต่อร่างกาย เพื่อสร้างพฤติกรรมการกินที่ไม่เหมาะสมและรักษาสุขภาพในช่องปากที่ดีให้กับเด็ก นายต่อพงษ์ ไชยสาส์น รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงสาธารณสุข เปิดเผยว่า ทุกวันเสาร์ที่ 2 ของทุกปีเป็นวันเด็กแห่งชาติ แต่ละปีหน่วยงานต่าง ๆ จะมีการจัดเทศกาลวันเด็กเพื่อสร้างความสนุกสนานและจัดกิจกรรมสร้างการเรียนรู้ให้กับเด็ก รวมถึงการจัดงานเลี้ยงสังสรรค์ในวันเด็กอีกด้วย โดยส่วนใหญ่การจัดอาหารวันเด็กจะเน้นอาหารประเภทขนมกรุบกรอบ ขนมหวานและน้ำอัดลม ซึ่งอาหารเหล่านี้หากเด็กบริโภคมากเกินไปอาจส่งผลให้เกิดโรคต่าง ๆ ตามมาได้ เช่น โรคเบาหวาน โรคอ้วน โดยเฉพาะโรคฟันผุที่สามารถส่งผลได้ทันทีหากไม่มีการดูแลสุขภาพช่องปากที่เหมาะสม เนื่องจากน้ำตาลที่อยู่ในขนมหวานและน้ำอัดลมส่วนใหญ่เป็นน้ำตาลทรายหรือซูโครสที่ก่อให้เกิดอาการฟันผุได้มากที่สุด หากไม่มีการทำความสะอาดช่องปากและฟัน โรคฟันผุจะลุกลามจนเป็นรูถึงโพรงประสาทฟัน และต้องรีบพบทันตแพทย์เพื่ออุดฟันในที่สุด ซึ่งจากผลการสำรวจสภาวะทันตสุขภาพของประเทศไทยพบว่า เด็กอายุ 12 ปี เป็นโรคฟันผุถึงร้อยละ 56 มีค่าเฉลี่ยฟันผุ ถอน อุด 1.7 ซี่ต่อคน และฟันที่ผุ มากที่สุดคือฟันกรามซี่ที่ 1 และ 2 โดยเด็กส่วนใหญ่จะเริ่มฟันผุเมื่ออายุ 6-8 ปี มีสาเหตุจากการบริโภคแป้งและน้ำตาลของเด็กที่มากถึงร้อยละ 80.8 ดร.นพ.สมยศ ดีรัศมี อธิบดีกรมอนามัย กล่าวว่า น้ำอัดลมเป็นต้นเหตุที่ทำให้เกิดฟันกร่อนได้มากที่สุด เพราะน้ำอัดลมเป็นเครื่องดื่มที่มีส่วนประกอบคือน้ำตาลกับน้ำ โดยน้ำอัดลม 1 กระป๋อง (ขนาด 325 ซีซี.) มีปริมาณน้ำตาล 8-12 ช้อนชา ซึ่งจะเท่ากับน้ำตาลในลูกอม จำนวน 17 เม็ด ส่วนเยลลี่ 1 ถ้วยเล็กจะมีปริมาณน้ำตาล 26 กรัม หากกินรวมกันหลายอย่างอาจทำให้เด็กได้รับน้ำตาลมากเกินความต้องการของร่างกาย และเกินมาตรฐานที่องค์การอนามัยโลกกำหนดว่าร่างกายควรได้รับน้ำตาลไม่เกิน 24 กรัมต่อวัน หรือปริมาณ 6 ช้อนชา ดร.นพ.สมยศ กล่าวต่อว่า การจัดเลี้ยงงานวันเด็กทั้งภายในโรงเรียนและครอบครัว จึงต้องให้ความสำคัญในเรื่องอาหารเพื่อป้องกันโรคฟันผุและโรคอ้วนตามมา โดยให้เลี่ยงอาหารประเภทขนมหวาน ลูกอม เยลลี่ น้ำหวานและน้ำอัดลม แต่ควรเพิ่มอาหารที่มีประโยชน์ครบ 5 หมู่ และดีต่อสุขภาพ เช่น อาหารที่ปรุงจากเนื้อสัตว์ที่มีไขมันต่ำ อาทิ เนื้อปลา เนื้อสัตว์ที่ไม่ติดมัน รวมทั้งผักและผลไม้ที่ให้สารอาหารจำพวกวิตามินและเกลือแร่ ให้มากขึ้น \\ทั้งนี้ หากไม่สามารถหลีกเลี่ยงอาหารดังกล่าวได้โรงเรียนและผู้ปกครองควรแนะนำวิธีการดูแลรักษาสุขภาพฟันสำหรับเด็กโดยใช้หลัก 2X4 คือ 1) ด้วยการแปรงฟันทุกวัน ๆ ละ 2 ครั้ง ตอนเช้าและก่อนนอน 2) บีบยาสีฟันยาว 2 เซนติเมตร 3) แปรงฟันนาน 2 นาที และ 4) 2 ชั่วโมงหลังแปรงฟันห้ามกินอาหารและดื่มน้ำ หากเกิดอาการปวดฟันหรือพบจุดดำเล็ก ๆ บนเนื้อฟันต้องรีบปรึกษาทันตแพทย์ทันที เพื่อทำการรักษาด้วยการ อุดฟันหรือถอนฟัน นอกจากนี้โรงเรียนและผู้ปกครองควรส่งเสริมและปลูกฝังให้เด็กมีพฤติกรรมการแปรงฟันที่ถูกต้อง ถ้าเป็นเด็กอายุต่ำกว่า 6 ขวบ ผู้ปกครองควรจะแปรงฟันให้เด็ก แต่ถ้าเป็นเด็กประถมศึกษาอายุต่ำกว่า 12 ปี ควรแปรงแบบถูไปมาแต่ต้องเลือกใช้แปรงขนนุ่ม หรือถ้าเด็กโตอายุ 12 ปีขึ้นไป ก็ให้แปรงแบบขยับปัดและต้องใช้แปรงขนนุ่มเช่นเดียวกัน อธิบดีกรมอนามัย กล่าวในที่สุด *** กลุ่มสื่อสารองค์กร / 11 มกราคม 2555

กรมอนามัย
เรามีสาระสุขภาพดีๆ
ส่งตรงถึงคุณ
ทุกวัน