คุณกำลังมองหาอะไร?

ข่า

ข่าวแจก "กรมอนามัย ตั้งเป้าปี55 ขยายเครือข่ายฟันเทียมพระราชทานเพิ่ม 250 ชมรมทั่วประเทศ เน้นดูแลร่วมกันมุ่งให้สูงวัยอย่างมีคุณค่า ชราอย่างมีศักดิ์ศรี"

กรมอนามัย พร้อมให้ข้อมูลข่าวสารที่มีประโยชน์สำหรับคุณ

28.03.2555
2
0
แชร์
28
มีนาคม
2555

ข่าวแจก "กรมอนามัย ตั้งเป้าปี55 ขยายเครือข่ายฟันเทียมพระราชทานเพิ่ม 250 ชมรมทั่วประเทศ เน้นดูแลร่วมกันมุ่งให้สูงวัยอย่างมีคุณค่า ชราอย่างมีศักดิ์ศรี"

          กรมอนามัย กระทรวงสาธารณสุข ประชุมสัมมนาขยายเครือข่ายฟันเทียมพระราชทานและการส่งเสริมสุขภาพช่องปากผู้สูงอายุ ครั้งที่ 1 ในภาคเหนือเป็นที่แรก ตั้งเป้าหมายขยายครบทั้ง 4 ภาค เพิ่มขึ้นจากเดิมอีก 250 ชมรมทั่วประเทศ นำศักยภาพผู้สูงอายุมาร่วมดูแลสุขภาพช่องปาก และเน้นการดูแลร่วมกันระหว่างภาครัฐและชมรมผู้สูงอายุ วันนี้ (28 มีนาคม 2555)
          ดร.นพ.สมยศ ดีรัศมี อธิบดีกรมอนามัย เปิดเผยภายหลังเป็นประธานเปิดการประชุมเครือข่ายฟันเทียมพระราชทานและการส่งเสริมสุขภาพช่องปากผู้สูงอายุ ครั้งที่ 1ภาคเหนือ ณ โรงแรม คุ้มภูคำเชียงใหม่ จังหวัดเชียงใหม่ ว่า จากการพัฒนาเทคโนโลยีทางการแพทย์และสาธารณสุข ทำให้ประชาชนมีอายุขัยเฉลี่ยยืนยาวขึ้น โดยคาดว่าแนวโน้มประชากรผู้สูงอายุไทยจะเพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็วจาก 7 ล้านคน (ร้อยละ 10.7) เป็น 14.5 ล้านคน (ร้อยละ 20) ในปี 2568 หรืออีก 14 ปีข้างหน้า นับว่าเป็นการก้าวสู่ภาวะประชากรสูงอายุอย่างรวดเร็วเป็น 2 เท่าในระยะเวลาอันสั้น ซึ่งกรมอนามัยได้ให้ความสำคัญกับการส่งเสริมสุขภาพผู้สูงอายุไทยด้วยการพัฒนาองค์ความรู้ เทคโนโลยีเพื่อการดูแลสุขภาพและส่งเสริมสุขภาพช่องปากผู้สูงอายุมาโดยตลอด ด้านสุขภาพได้พัฒนารูปแบบการดูแลสุขภาพผู้สูงอายุระยะยาวทั้ง 3 กลุ่มคือ กลุ่มที่ติดสังคม กลุ่มที่ติดบ้าน และกลุ่มที่ติดเตียง ผ่านกระบวนการตำบลต้นแบบด้านการดูแลสุขภาพผู้สูงอายุระยะยาว (Long Term Care) สำหรับสุขภาพช่องปากได้ส่งเสริม ป้องกัน รักษาและฟื้นฟูสภาพผ่านโครงการฟันเทียมพระราชทานและการส่งเสริมสุขภาพช่องปากผู้สูงอายุภายใต้ 3 กิจกรรมหลัก คือ ประสานการใส่ฟันเทียมทั้งปากแก่ผู้ที่ไม่มีฟันในโรงพยาบาลทั่วประเทศ พัฒนาต้นแบบหน่วยบริการโดยเฉพาะโรงพยาบาลส่งเสริมสุขภาพตำบลซึ่งอยู่ใกล้ชิดกับผู้สูงอายุให้จัดบริการทันตกรรมป้องกันในกลุ่มที่เสี่ยงต่อการสูญเสียฟัน และที่สำคัญ คือพัฒนาชมรมผู้สูงอายุด้านการส่งเสริมสุขภาพช่องปาก ให้ผู้สูงอายุสามารถพึ่งตนเองและช่วยเหลือสมาชิกชมรมในการดูแลอนามัยช่องปาก ทั้งนี้ เพื่อให้ผู้สูงอายุมีฟันใช้เคี้ยวอาหาร ซึ่งจะส่งผลต่อสุขภาพและคุณภาพชีวิต สอดคล้องกับวัตถุประสงค์ของแผนผู้สูงอายุแห่งชาติ ที่มุ่งส่งเสริมให้ผู้สูงอายุมีคุณภาพชีวิตที่ดี ด้วยการดำรงชีวิตอย่างมีคุณค่า มีศักดิ์ศรี พึ่งตนเองได้ และมีหลักประกันที่มั่นคง
            ดร.นพ.สมยศ กล่าวต่อไปว่า ในปี 2555 นี้ กรมอนามัยได้กำหนดมีเป้าหมายในการจัดบริการฟันเทียมทั้งปากตามโครงการฟันเทียมพระราชทานและการส่งเสริมสุขภาพช่องปากผู้สูงอายุ จำนวน 30,000 ราย พัฒนาหน่วยบริการทันตกรรมป้องกันแก่ผู้สูงอายุอีก 100 แห่ง พร้อมทั้งขยายเครือข่ายชมรมผู้สูงอายุด้านการส่งเสริมสุขภาพช่องปากเพิ่มขึ้น 250 ชมรมทั่วประเทศ ด้วยการจัดสัมมนา 4 ภาค โดยเริ่มที่ภาคเหนือเป็นที่แรก สำหรับการจัดสัมมนาในลักษณะดังกล่าวครั้งที่ 2 ภาคตะวันออกเฉียงเหนือกำหนดจัดขึ้นในเดือนเมษายน ณ จังหวัดขอนแก่น ครั้งที่ 3 ภาคใต้ ในเดือนพฤษภาคม ณ จังหวัดตรัง และครั้งที่ 4 ภาคกลางในเดือนมิถุนายน ณ จังหวัดชลบุรี
           ทั้งนี้ การพัฒนากิจกรรมในโครงการฟันเทียมพระราชทานและการส่งเสริมสุขภาพช่องปากผู้สูงอายุ มีเป้าหมายหลักเพื่อแก้ปัญหาการสูญเสียฟันในกลุ่มผู้สูงอายุ สนองกระแสพระราชดำรัสของพระบาทสมเด็จ พระเจ้าอยู่หัว ความว่า เวลาไม่มีฟัน กินอะไรก็ไม่อร่อย ทำให้ไม่มีความสุข จิตใจก็ไม่สบาย ร่างกายก็ไม่แข็งแรง? โดยเริ่มตั้งแต่ปี 2548 เป็นต้นมา ซึ่งเป็นความร่วมมือของทุกภาคส่วนที่เกี่ยวข้อง โดยเฉพาะหน่วยบริการสาธารณสุขทุกระดับ องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น และชมรมผู้สูงอายุ การดำเนินงานที่ผ่านมาได้ร่วมเฉลิมพระเกียรติพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวในโอกาสมหามงคลเฉลิมพระชนมพรรษาครบ 7รอบ ทำให้ผู้สูงอายุได้รับบริการใส่ฟันเทียมทั้งปากเพื่อทดแทนฟันที่สูญเสียไป 234,421 ราย พัฒนาศักยภาพชมรมผู้สูงอายุด้านการส่งเสริมสุขภาพช่องปาก 1,728 ชมรม และพัฒนารูปแบบบริการทันตกรรมป้องกันในหน่วยบริการเพื่อลดการสูญเสียฟัน 219 หน่วยบริการ ส่งผลให้ผู้สูงอายุมีฟันใช้เคี้ยวอาหารอย่างน้อย 4 คู่สบ เพิ่มขึ้นจากร้อยละ 44 ในปี 2548 เป็นร้อยละ 53 ในปี 2554? อธิบดีกรมอนามัย กล่าวในที่สุด
 
*****
 
กลุ่มสื่อสารองค์กร / 28 มีนาคม 2555
www.anamai.moph.go.th
กรมอนามัย กระทรวงสาธารณสุข ประชุมสัมมนาขยายเครือข่ายฟันเทียมพระราชทานและการส่งเสริมสุขภาพช่องปากผู้สูงอายุ ครั้งที่ 1 ในภาคเหนือเป็นที่แรก ตั้งเป้าหมายขยายครบทั้ง 4 ภาค เพิ่มขึ้นจากเดิมอีก 250 ชมรมทั่วประเทศ นำศักยภาพผู้สูงอายุมาร่วมดูแลสุขภาพช่องปาก และเน้นการดูแลร่วมกันระหว่างภาครัฐและชมรมผู้สูงอายุ วันนี้ (28 มีนาคม 2555) ดร.นพ.สมยศ ดีรัศมี อธิบดีกรมอนามัย เปิดเผยภายหลังเป็นประธานเปิดการประชุมเครือข่ายฟันเทียมพระราชทานและการส่งเสริมสุขภาพช่องปากผู้สูงอายุ ครั้งที่ 1ภาคเหนือ ณ โรงแรม คุ้มภูคำเชียงใหม่ จังหวัดเชียงใหม่ ว่า จากการพัฒนาเทคโนโลยีทางการแพทย์และสาธารณสุข ทำให้ประชาชนมีอายุขัยเฉลี่ยยืนยาวขึ้น โดยคาดว่าแนวโน้มประชากรผู้สูงอายุไทยจะเพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็วจาก 7 ล้านคน (ร้อยละ 10.7) เป็น 14.5 ล้านคน (ร้อยละ 20) ในปี 2568 หรืออีก 14 ปีข้างหน้า นับว่าเป็นการก้าวสู่ภาวะประชากรสูงอายุอย่างรวดเร็วเป็น 2 เท่าในระยะเวลาอันสั้น ซึ่งกรมอนามัยได้ให้ความสำคัญกับการส่งเสริมสุขภาพผู้สูงอายุไทยด้วยการพัฒนาองค์ความรู้ เทคโนโลยีเพื่อการดูแลสุขภาพและส่งเสริมสุขภาพช่องปากผู้สูงอายุมาโดยตลอด ด้านสุขภาพได้พัฒนารูปแบบการดูแลสุขภาพผู้สูงอายุระยะยาวทั้ง 3 กลุ่มคือ กลุ่มที่ติดสังคม กลุ่มที่ติดบ้าน และกลุ่มที่ติดเตียง ผ่านกระบวนการตำบลต้นแบบด้านการดูแลสุขภาพผู้สูงอายุระยะยาว (Long Term Care) สำหรับสุขภาพช่องปากได้ส่งเสริม ป้องกัน รักษาและฟื้นฟูสภาพผ่านโครงการฟันเทียมพระราชทานและการส่งเสริมสุขภาพช่องปากผู้สูงอายุภายใต้ 3 กิจกรรมหลัก คือ ประสานการใส่ฟันเทียมทั้งปากแก่ผู้ที่ไม่มีฟันในโรงพยาบาลทั่วประเทศ พัฒนาต้นแบบหน่วยบริการโดยเฉพาะโรงพยาบาลส่งเสริมสุขภาพตำบลซึ่งอยู่ใกล้ชิดกับผู้สูงอายุให้จัดบริการทันตกรรมป้องกันในกลุ่มที่เสี่ยงต่อการสูญเสียฟัน และที่สำคัญ คือพัฒนาชมรมผู้สูงอายุด้านการส่งเสริมสุขภาพช่องปาก ให้ผู้สูงอายุสามารถพึ่งตนเองและช่วยเหลือสมาชิกชมรมในการดูแลอนามัยช่องปาก ทั้งนี้ เพื่อให้ผู้สูงอายุมีฟันใช้เคี้ยวอาหาร ซึ่งจะส่งผลต่อสุขภาพและคุณภาพชีวิต สอดคล้องกับวัตถุประสงค์ของแผนผู้สูงอายุแห่งชาติ ที่มุ่งส่งเสริมให้ผู้สูงอายุมีคุณภาพชีวิตที่ดี ด้วยการดำรงชีวิตอย่างมีคุณค่า มีศักดิ์ศรี พึ่งตนเองได้ และมีหลักประกันที่มั่นคง ดร.นพ.สมยศ กล่าวต่อไปว่า ในปี 2555 นี้ กรมอนามัยได้กำหนดมีเป้าหมายในการจัดบริการฟันเทียมทั้งปากตามโครงการฟันเทียมพระราชทานและการส่งเสริมสุขภาพช่องปากผู้สูงอายุ จำนวน 30,000 ราย พัฒนาหน่วยบริการทันตกรรมป้องกันแก่ผู้สูงอายุอีก 100 แห่ง พร้อมทั้งขยายเครือข่ายชมรมผู้สูงอายุด้านการส่งเสริมสุขภาพช่องปากเพิ่มขึ้น 250 ชมรมทั่วประเทศ ด้วยการจัดสัมมนา 4 ภาค โดยเริ่มที่ภาคเหนือเป็นที่แรก สำหรับการจัดสัมมนาในลักษณะดังกล่าวครั้งที่ 2 ภาคตะวันออกเฉียงเหนือกำหนดจัดขึ้นในเดือนเมษายน ณ จังหวัดขอนแก่น ครั้งที่ 3 ภาคใต้ ในเดือนพฤษภาคม ณ จังหวัดตรัง และครั้งที่ 4 ภาคกลางในเดือนมิถุนายน ณ จังหวัดชลบุรี \\ทั้งนี้ การพัฒนากิจกรรมในโครงการฟันเทียมพระราชทานและการส่งเสริมสุขภาพช่องปากผู้สูงอายุ มีเป้าหมายหลักเพื่อแก้ปัญหาการสูญเสียฟันในกลุ่มผู้สูงอายุ สนองกระแสพระราชดำรัสของพระบาทสมเด็จ พระเจ้าอยู่หัว ความว่า \\เวลาไม่มีฟัน กินอะไรก็ไม่อร่อย ทำให้ไม่มีความสุข จิตใจก็ไม่สบาย ร่างกายก็ไม่แข็งแรง โดยเริ่มตั้งแต่ปี 2548 เป็นต้นมา ซึ่งเป็นความร่วมมือของทุกภาคส่วนที่เกี่ยวข้อง โดยเฉพาะหน่วยบริการสาธารณสุขทุกระดับ องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น และชมรมผู้สูงอายุ การดำเนินงานที่ผ่านมาได้ร่วมเฉลิมพระเกียรติพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวในโอกาสมหามงคลเฉลิมพระชนมพรรษาครบ 7รอบ ทำให้ผู้สูงอายุได้รับบริการใส่ฟันเทียมทั้งปากเพื่อทดแทนฟันที่สูญเสียไป 234,421 ราย พัฒนาศักยภาพชมรมผู้สูงอายุด้านการส่งเสริมสุขภาพช่องปาก 1,728 ชมรม และพัฒนารูปแบบบริการทันตกรรมป้องกันในหน่วยบริการเพื่อลดการสูญเสียฟัน 219 หน่วยบริการ ส่งผลให้ผู้สูงอายุมีฟันใช้เคี้ยวอาหารอย่างน้อย 4 คู่สบ เพิ่มขึ้นจากร้อยละ 44 ในปี 2548 เป็นร้อยละ 53 ในปี 2554 อธิบดีกรมอนามัย กล่าวในที่สุด ***** กลุ่มสื่อสารองค์กร / 28 มีนาคม 2555 www.anamai.moph.go.th

กรมอนามัย
เรามีสาระสุขภาพดีๆ
ส่งตรงถึงคุณ
ทุกวัน