ข่าวแจก "สธ. ตั้งเป้าปี55 ใส่ฟันเทียมพระราชทาน คืนรอยยิ้มผู้สูงวัยทั่วประเทศ 30,000 ราย"
กระทรวงสาธารณสุข เฉลิมพระเกียรติพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว เนื่องในโอกาสมหามงคล เฉลิมพระชนมพรรษาครบ 7 รอบ 5 ธันวาคม 2554 มอบฟันเทียมพระราชทานให้ผู้สูงวัยจังหวัดสตูล 100 ราย พร้อมตั้งเป้าปี 2555 ดำเนินการใส่ฟันเทียมพระราชทานทั้งปากเพื่อคืนรอยยิ้มผู้สูงวัยทั่วประเทศ 30,000 ราย
วันนี้ (22 ธันวาคม 2554) นายต่อพงษ์ ไชยสาส์น รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงสาธารณสุข เปิดเผยภายหลังเป็นประธานในพิธีมอบฟันเทียมพระราชทานงานรณรงค์ คืนรอยยิ้มแก่ผู้สูงวัยภาคใต้ ครั้งที่ 3?จังหวัดสตูล ณ ศาลาเฉลิมพระเกียรติ 80 พรรษา ศาลากลางจังหวัดสตูล อำเภอเมือง จังหวัดสตูล ว่า จากกระแสพระราชดำรัสของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ความว่า เวลาไม่มีฟัน กินอะไรก็ไม่อร่อย ทำให้ไม่มีความสุข จิตใจก็ไม่สบาย ร่างกายก็ไม่แข็งแรง? แสดงให้เห็นถึงพระมหากรุณาธิคุณที่ทรงห่วงใยและเข้าใจปัญหาของประชาชนที่ไม่มีฟัน ส่งผลต่อสุขภาพและคุณภาพชีวิตประชาชนทั้งด้านการเคี้ยว การกัด การกลืนกินอาหาร ความสุขกาย สุขใจ กระทรวงสาธารณสุขจึงได้สนองกระแสพระราชดำรัสโดยประสานภาคีเครือข่ายที่เกี่ยวข้อง รวมพลังวิชาชีพทันตกรรมจัดบริการใส่ฟันเทียมแก่ผู้สูงอายุที่สูญเสียฟันทั้งปากหรือเกือบทั้งปากในโครงการ ฟันเทียมพระราชทาน เฉลิมพระเกียรติพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวอย่างต่อเนื่องมาตั้งแต่ปี 2548 รวมทั้งประสานงานหน่วยทันตกรรมพระราชทานในพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว จัดหน่วยเคลื่อนที่ Lab ทันตกรรมประดิษฐ์ รณรงค์จัดบริการใส่ฟันเทียมแก่ผู้สูงอายุในจังหวัดต่าง ๆ ซึ่งจะลดระยะเวลาการทำฟันเทียมจากการพิมพ์ปากจนแล้วเสร็จในเวลา 1-2 เดือน เป็น 3 วัน
นายต่อพงษ์ กล่าวต่อไปว่า นับตั้งแต่ปี 2548 จนถึงปัจจุบัน กระทรวงสาธารณสุขโดยกรมอนามัย และภาคีเครือข่ายที่เกี่ยวข้องได้ดำเนินการโครงการฟันเทียมพระราชทานอย่างต่อเนื่อง ด้วยการจัดบริการใส่ฟันเทียมแก่ผู้สูงอายุทำให้เข้าถึงบริการได้มากขึ้น ขณะนี้มีจำนวนผู้สูงอายุทั่วประเทศที่เข้ารับบริการใส่ฟันเทียม 230,000 ราย ส่งผลให้ผู้สูงอายุที่ได้บริการใส่ฟันเทียมรู้สึกพึงพอใจ เพราะทำให้กินอาหารได้ พูดชัดขึ้น และพอใจในความสวยงาม มีความสุข และมั่นใจในการเข้าสังคมมากขึ้นด้วย นอกจากนี้ยังได้สนับสนุนให้ชมรมผู้สูงอายุจัดกิจกรรมด้านการส่งเสริมสุขภาพช่องปากแก่สมาชิก และหน่วยบริการสาธารณสุขระดับตำบล จัดบริการทันตกรรมป้องกันสำหรับผู้สูงอายุที่เสี่ยงต่อการสูญเสียฟัน โดยหวังว่าผู้สูงอายุจะสามารถดูแลสุขภาพช่องปากตนเอง ลดการสูญเสียฟัน และลดความต้องการบริการใส่ฟันเทียมในระยะยาว
ทั้งนี้ ในปี 2555 กระทรวงสาธารณสุขยังคงให้ความสำคัญกับสุขภาพช่องปากผู้สูงอายุ โดยกำหนดให้เป็น 1 ในโครงการสำคัญตามนโยบายของกระทรวง และกำหนดเป้าหมายการจัดบริการใส่ฟันเทียมทั้งปาก แก่ผู้สูงอายุทั่วประเทศอีก 30,000 ราย จัดบริการรากฟันเทียม 2,800 ราย และจัดให้มีชมรมผู้สูงอายุด้านการส่งเสริมสุขภาพช่องปากเพิ่มขึ้นอีก 250 ชมรม เพื่อแก้ปัญหาการสูญเสียฟันแก่ผู้สูงอายุอย่างต่อเนื่องทั้งการ ใส่ฟันเทียมทดแทนและลดการสูญเสียฟันไปพร้อม ๆ กัน? รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงสาธารณสุข กล่าว
ดร.นพ.สมยศ ดีรัศมี อธิบดีกรมอนามัย กล่าวว่า สำหรับพื้นที่ภาคใต้ กรมอนามัยร่วมกับหน่วย ทันตกรรมพระราชทาน คณะทันตแพทยศาสตร์ มหาวิทยาสงขลานครินทร์ และสำนักงานสาธารณสุขจังหวัด ทีเกี่ยวข้อง ได้จัดการรณรงค์ในโครงการฟันเทียมพระราชทานมาแล้ว 2 ครั้ง โดยครั้งที่ 1 จัดขึ้น ณ จังหวัดพังงา ในปี 2548 เพื่อใส่ฟันเทียมให้แก่ผู้ที่ได้รับผลกระทบจากภัยพิบัติสึนามิ ครั้งที่ 2 ณ จังหวัดกระบี่ ในโอกาส มหามงคลเฉลิมพระชนมพรรษา 80 พรรษา 5 ธันวาคม 2550 และครั้งนี้นับเป็นครั้ง 3 ภายใต้งานรณรงค์ คืนรอยยิ้มแก่ผู้สูงวัยภาคใต้ ณ จังหวัดสตูล จัดขึ้นเพื่อเฉลิมพระเกียรติฯ เนื่องในโอกาสมหามงคลเฉลิม พระชนมพรรษาครบ 7 รอบ 5 ธันวาคม 2554 โดยได้ดำเนินการจัดบริการใส่ฟันเทียมตั้งแต่วันที่ 19 ธันวาคม 2554 ซึ่งขณะนี้มีผู้สูงอายุได้รับบริการใส่ฟันเทียมพระราชทานแล้วทั้งสิ้น 100 ราย และประชาชนทั่วไปได้รับบริการรักษาทางทันตกรรม 400 ราย
***
กลุ่มสื่อสารองค์กร / 22 ธันวาคม 2554
กระทรวงสาธารณสุข เฉลิมพระเกียรติพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว เนื่องในโอกาสมหามงคล เฉลิมพระชนมพรรษาครบ 7 รอบ 5 ธันวาคม 2554 มอบฟันเทียมพระราชทานให้ผู้สูงวัยจังหวัดสตูล 100 ราย พร้อมตั้งเป้าปี 2555 ดำเนินการใส่ฟันเทียมพระราชทานทั้งปากเพื่อคืนรอยยิ้มผู้สูงวัยทั่วประเทศ 30,000 ราย วันนี้ (22 ธันวาคม 2554) นายต่อพงษ์ ไชยสาส์น รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงสาธารณสุข เปิดเผยภายหลังเป็นประธานในพิธีมอบฟันเทียมพระราชทานงานรณรงค์ \\คืนรอยยิ้มแก่ผู้สูงวัยภาคใต้ ครั้งที่ 3จังหวัดสตูล ณ ศาลาเฉลิมพระเกียรติ 80 พรรษา ศาลากลางจังหวัดสตูล อำเภอเมือง จังหวัดสตูล ว่า จากกระแสพระราชดำรัสของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ความว่า \\เวลาไม่มีฟัน กินอะไรก็ไม่อร่อย ทำให้ไม่มีความสุข จิตใจก็ไม่สบาย ร่างกายก็ไม่แข็งแรง แสดงให้เห็นถึงพระมหากรุณาธิคุณที่ทรงห่วงใยและเข้าใจปัญหาของประชาชนที่ไม่มีฟัน ส่งผลต่อสุขภาพและคุณภาพชีวิตประชาชนทั้งด้านการเคี้ยว การกัด การกลืนกินอาหาร ความสุขกาย สุขใจ กระทรวงสาธารณสุขจึงได้สนองกระแสพระราชดำรัสโดยประสานภาคีเครือข่ายที่เกี่ยวข้อง รวมพลังวิชาชีพทันตกรรมจัดบริการใส่ฟันเทียมแก่ผู้สูงอายุที่สูญเสียฟันทั้งปากหรือเกือบทั้งปากในโครงการ ฟันเทียมพระราชทาน เฉลิมพระเกียรติพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวอย่างต่อเนื่องมาตั้งแต่ปี 2548 รวมทั้งประสานงานหน่วยทันตกรรมพระราชทานในพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว จัดหน่วยเคลื่อนที่ Lab ทันตกรรมประดิษฐ์ รณรงค์จัดบริการใส่ฟันเทียมแก่ผู้สูงอายุในจังหวัดต่าง ๆ ซึ่งจะลดระยะเวลาการทำฟันเทียมจากการพิมพ์ปากจนแล้วเสร็จในเวลา 1-2 เดือน เป็น 3 วัน นายต่อพงษ์ กล่าวต่อไปว่า นับตั้งแต่ปี 2548 จนถึงปัจจุบัน กระทรวงสาธารณสุขโดยกรมอนามัย และภาคีเครือข่ายที่เกี่ยวข้องได้ดำเนินการโครงการฟันเทียมพระราชทานอย่างต่อเนื่อง ด้วยการจัดบริการใส่ฟันเทียมแก่ผู้สูงอายุทำให้เข้าถึงบริการได้มากขึ้น ขณะนี้มีจำนวนผู้สูงอายุทั่วประเทศที่เข้ารับบริการใส่ฟันเทียม 230,000 ราย ส่งผลให้ผู้สูงอายุที่ได้บริการใส่ฟันเทียมรู้สึกพึงพอใจ เพราะทำให้กินอาหารได้ พูดชัดขึ้น และพอใจในความสวยงาม มีความสุข และมั่นใจในการเข้าสังคมมากขึ้นด้วย นอกจากนี้ยังได้สนับสนุนให้ชมรมผู้สูงอายุจัดกิจกรรมด้านการส่งเสริมสุขภาพช่องปากแก่สมาชิก และหน่วยบริการสาธารณสุขระดับตำบล จัดบริการทันตกรรมป้องกันสำหรับผู้สูงอายุที่เสี่ยงต่อการสูญเสียฟัน โดยหวังว่าผู้สูงอายุจะสามารถดูแลสุขภาพช่องปากตนเอง ลดการสูญเสียฟัน และลดความต้องการบริการใส่ฟันเทียมในระยะยาว \\ทั้งนี้ ในปี 2555 กระทรวงสาธารณสุขยังคงให้ความสำคัญกับสุขภาพช่องปากผู้สูงอายุ โดยกำหนดให้เป็น 1 ในโครงการสำคัญตามนโยบายของกระทรวง และกำหนดเป้าหมายการจัดบริการใส่ฟันเทียมทั้งปาก แก่ผู้สูงอายุทั่วประเทศอีก 30,000 ราย จัดบริการรากฟันเทียม 2,800 ราย และจัดให้มีชมรมผู้สูงอายุด้านการส่งเสริมสุขภาพช่องปากเพิ่มขึ้นอีก 250 ชมรม เพื่อแก้ปัญหาการสูญเสียฟันแก่ผู้สูงอายุอย่างต่อเนื่องทั้งการ ใส่ฟันเทียมทดแทนและลดการสูญเสียฟันไปพร้อม ๆ กัน รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงสาธารณสุข กล่าว ดร.นพ.สมยศ ดีรัศมี อธิบดีกรมอนามัย กล่าวว่า สำหรับพื้นที่ภาคใต้ กรมอนามัยร่วมกับหน่วย ทันตกรรมพระราชทาน คณะทันตแพทยศาสตร์ มหาวิทยาสงขลานครินทร์ และสำนักงานสาธารณสุขจังหวัด ทีเกี่ยวข้อง ได้จัดการรณรงค์ในโครงการฟันเทียมพระราชทานมาแล้ว 2 ครั้ง โดยครั้งที่ 1 จัดขึ้น ณ จังหวัดพังงา ในปี 2548 เพื่อใส่ฟันเทียมให้แก่ผู้ที่ได้รับผลกระทบจากภัยพิบัติสึนามิ ครั้งที่ 2 ณ จังหวัดกระบี่ ในโอกาส มหามงคลเฉลิมพระชนมพรรษา 80 พรรษา 5 ธันวาคม 2550 และครั้งนี้นับเป็นครั้ง 3 ภายใต้งานรณรงค์ คืนรอยยิ้มแก่ผู้สูงวัยภาคใต้ ณ จังหวัดสตูล จัดขึ้นเพื่อเฉลิมพระเกียรติฯ เนื่องในโอกาสมหามงคลเฉลิม พระชนมพรรษาครบ 7 รอบ 5 ธันวาคม 2554 โดยได้ดำเนินการจัดบริการใส่ฟันเทียมตั้งแต่วันที่ 19 ธันวาคม 2554 ซึ่งขณะนี้มีผู้สูงอายุได้รับบริการใส่ฟันเทียมพระราชทานแล้วทั้งสิ้น 100 ราย และประชาชนทั่วไปได้รับบริการรักษาทางทันตกรรม 400 ราย ***กลุ่มสื่อสารองค์กร / 22 ธันวาคม 2554