ข่าวแจก "ปลอดประสพ มอบโล่ให้ 23 สุดยอดส้วมปี55 และ 82 สถานบริการสาธารณสุขต้นแบบลดโลกร้อน"
กระทรวงสาธารณสุข จัดเวทีมอบโล่ผู้มีบทบาทดีเด่นด้านการพัฒนาส้วมสาธารณะ สุดยอดส้วมแห่งปี 2555 และสถานบริการสาธารณสุขต้นแบบ ในงานประชุมวิชาการส่งเสริมสุขภาพและอนามัยสิ่งแวดล้อมแห่งชาติ ครั้งที่ 6 อำเภอสุขภาพดี นวัตกรรมดี 878 อำเภอ One District One Best Practice? สร้างกำลังใจให้หน่วยงานที่พัฒนาและจัดการอนามัยสิ่งแวดล้อมเพื่อสร้างสุขภาพที่ดีให้ประชาชนอย่างยั่งยืน
วันนี้ (5 กันยายน 2556) ดร.ปลอดประสพ สุรัสวดี รองนายกรัฐมนตรี เปิดเผยภายหลังเป็นประธานมอบโล่ประกาศเกียรติคุณผู้มีบทบาทดีเด่นด้านการพัฒนาส้วมสาธารณะ สุดยอดส้วมแห่งปี 2555 และสถานบริการสาธารณสุขต้นแบบลด โลกร้อน ในงานประชุมวิชาการส่งเสริมสุขภาพและอนามัยสิ่งแวดล้อมแห่งชาติ ครั้งที่ 6 อำเภอสุขภาพดี นวัตกรรมดี 878 อำเภอ One District One Best Practice? ณ ฮอลล์ 9 ศูนย์การแสดงสินค้าและการประชุมอิมแพค เมืองทองธานี โดยมี นายสรวงศ์ เทียนทอง รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงสาธารณสุข ร่วมเป็นเกียรติในครั้งนี้ ว่า รัฐบาลให้ความสำคัญเรื่องการพัฒนาส้วมสาธารณะไทยเป็นวาระแห่งชาติ โดยคณะรัฐมนตรีได้ให้ความเห็นชอบแผนแม่บทพัฒนาส้วมสาธารณะไทยระยะที่ 3 (พ.ศ.2556-2559) เมื่อวันที่ 19 กุมภาพันธ์ 2556 ซึ่งในฐานะประธานคณะกรรมการพัฒนาส้วมสาธารณะไทยจึงได้กำหนดนโยบาย อำนวยการและติดตามการดำเนินงานพัฒนาส้วมสาธารณะให้ประสบความสำเร็จ โดยที่ผ่านมาได้รับความร่วมมือจากภาคีเครือข่ายด้วยดีมาโดยตลอด ทำให้ประชาชนได้ใช้บริการส้วมสาธารณะที่สะอาด เพียงพอ ปลอดภัย อาทิ ส้วมสาธารณะในปั๊มน้ำมัน ร้านจำหน่ายอาหาร สถานที่ราชการ โรงพยาบาล ห้างสรรพสินค้าและศูนย์การค้าต่างๆ เป็นต้น ซึ่งได้พัฒนาและปรับปรุงจนได้มาตรฐาน HAS ของกรมอนามัยเพิ่มขึ้น
ดร.ปลอดประสพ กล่าวต่อไปว่า ในส่วนของสถานบริการสาธารณสุขต้นแบบลดโลกร้อนนั้น นับเป็นโครงการที่ดีและเป็นการแสดงความรับผิดชอบต่อสังคม เนื่องจากสถานบริการสาธารณสุขเป็นจุดศูนย์กลางของชุมชน การพัฒนาเป็นต้นแบบลดโลกร้อน ย่อมสามารถขยายแนวคิดนำไปสู่การปฏิบัติที่เข้มแข็งร่วมกับภาคีเครือข่ายและประชาชน ซึ่งการมอบโล่ประกาศเกียรติคุณแก่ผู้มีบทบาทดีเด่นด้านการพัฒนาส้วมสาธารณะ จำนวน 2 ท่าน จากสำนักงานสาธารณสุขจังหวัดสกลนคร และลพบุรี รางวัลสุดยอดส้วมแห่งปี 2555 จำนวน 23 แห่ง อาทิ โรงเรียนวัดโคกหม้อ จังหวัดลพบุรี โรงพยาบาลวานรนิวาส จังหวัดสกลนคร ตลาดกลางบางใหญ่ จังหวัดนนทบุรี และสถานบริการสาธารณสุขต้นแบบลดโลกร้อน จำนวน 82 แห่ง อาทิ โรงพยาบาลปทุมธานี โรงพยาบาลพระนครศรีอยุธยา โรงพยาบาลวิเศษชัยชาญ โรงพยาบาลพระพุทธบาท ในครั้งนี้ จึงถือเป็นการยกย่องและประกาศเกียรติคุณ อีกทั้งยังเป็นการสร้างขวัญกำลังใจให้แก่เจ้าของส้วมสาธารณะ และสถานบริการสาธารณสุขในการดำเนินงานเพื่อให้ประชาชนอยู่ในสิ่งแวดล้อมที่เอื้อต่อการมีสุขภาพที่ดีอย่างยั่งยืน
ทางด้าน นายแพทย์ณัฐพร วงษ์ศุทธิภากร รองอธิบดีกรมอนามัย กล่าวว่า ผลจากการที่กรมอนามัยได้สำรวจส้วมสาธารณะทั่วประเทศเมื่อปี 2547 พบว่า ส้วมสาธารณะมีปัญหาเกี่ยวกับความสกปรก กลิ่นเหม็น การทำความสะอาดที่ ไม่ดีพอ และการชำรุดของถังเก็บกักสิ่งปฏิกูล ทำให้เป็นแหล่งก่อให้เกิดการแพร่กระจายของเชื้อโรค ส่งผลกระทบต่อผู้ใช้บริการและชุมชนบริเวณใกล้เคียง ดังนั้น ในปี 2548 กรมอนามัยจึงได้จัดทำแผนพัฒนาส้วมสาธารณะไทย และกำหนดเกณฑ์มาตรฐานส้วมสาธารณะ (HAS) โดยเน้น 3 ประเด็นสำคัญคือ สะอาด (Health) เพียงพอ (Accessibility) และปลอดภัย (Safety) มีการขับเคลื่อนโครงการร่วมกับภาคีเครือข่ายทั้งภาครัฐและเอกชน เพื่อพัฒนาและปรับปรุงส้วมสาธารณะในสถานที่สาธารณะสำคัญ 12 ประเภทที่ประชาชนจำเป็นต้องใช้มากที่สุด ซึ่งการดำเนินงานประสบผลสำเร็จเป็นลำดับมาอย่างต่อเนื่อง โดยปัจจุบันมีส้วมสาธารณะที่ได้มาตรฐานครอบคลุมร้อยละ 62.45
ทั้งนี้ สำหรับโครงการสาธารณสุขรวมใจรณรงค์ลดโลกร้อน ด้วยการสุขาภิบาลอย่างยั่งยืนและเป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม กรมอนามัยได้เริ่มดำเนินการขึ้นในปี 2553 มีเป้าหมายให้สถานบริการสาธารณสุขในสังกัดสำนักงานปลัดกระทรวงสาธารณสุข เป็นแบบอย่างในการดำเนินงานเพื่อลดภาวะโลกร้อนในสถานบริการฯ โดยใช้หลักการ GREEN & CLEAN ประกอบด้วย กิจกรรม GREEN G : Garbage คือการจัดการมูลฝอยและการใช้ประโยชน์จากสิ่งปฏิกูล R : Restroom คือ การพัฒนาส้วมในสถานบริการสาธารณสุขให้ได้มาตรฐานส้วมสาธารณะไทย (HAS) E : Energy คือ การลดการใช้พลังงาน หรือใช้พลังงานทดแทนจากชีวภาพและชีวมวล E : Environment คือ การจัดการสิ่งแวดล้อมที่ช่วยลดโลกร้อนและเอื้อต่อสุขภาพ และ N : Nutrition รณรงค์อาหารปลอดสารพิษ การปลูกผักเพื่อบริโภคในครัวเรือน ลดการใช้สารเคมี รวมทั้งพัฒนาโปรแกรมคำนวณคาร์บอนฟุตพริ้น เพื่อให้สถานบริการสาธารณสุขใช้คำนวณปริมาณการปล่อยก๊าซเรือนกระจกของหน่วยงาน และนำมาวางแผนปรับปรุงการลดปริมาณการปล่อยก๊าซเรือนกระจก รวมทั้งประเมินผลความสำเร็จของการดำเนินโครงการ ส่งผลให้ปัจจุบันมีสถานบริการสาธารณสุขสมัครเข้าร่วมโครงการ จำนวน 3,878 แห่ง และดำเนินกิจกรรมลดโลกร้อนจนประสบความสำเร็จตามเป้าหมาย สามารถเป็นแหล่งเรียนรู้ด้านการลดโลกร้อนให้แก่หน่วยงานอื่นและประชาชนอีกด้วย? รองอธิบดีกรมอนามัย กล่าว
***
กลุ่มสื่อสารองค์กร/ 5 กันยายน 2556
กระทรวงสาธารณสุข จัดเวทีมอบโล่ผู้มีบทบาทดีเด่นด้านการพัฒนาส้วมสาธารณะ สุดยอดส้วมแห่งปี 2555 และสถานบริการสาธารณสุขต้นแบบ ในงานประชุมวิชาการส่งเสริมสุขภาพและอนามัยสิ่งแวดล้อมแห่งชาติ ครั้งที่ 6 \\อำเภอสุขภาพดี นวัตกรรมดี 878 อำเภอ One District One Best Practice สร้างกำลังใจให้หน่วยงานที่พัฒนาและจัดการอนามัยสิ่งแวดล้อมเพื่อสร้างสุขภาพที่ดีให้ประชาชนอย่างยั่งยืน วันนี้ (5 กันยายน 2556) ดร.ปลอดประสพ สุรัสวดี รองนายกรัฐมนตรี เปิดเผยภายหลังเป็นประธานมอบโล่ประกาศเกียรติคุณผู้มีบทบาทดีเด่นด้านการพัฒนาส้วมสาธารณะ สุดยอดส้วมแห่งปี 2555 และสถานบริการสาธารณสุขต้นแบบลด โลกร้อน ในงานประชุมวิชาการส่งเสริมสุขภาพและอนามัยสิ่งแวดล้อมแห่งชาติ ครั้งที่ 6 \\อำเภอสุขภาพดี นวัตกรรมดี 878 อำเภอ One District One Best Practice ณ ฮอลล์ 9 ศูนย์การแสดงสินค้าและการประชุมอิมแพค เมืองทองธานี โดยมี นายสรวงศ์ เทียนทอง รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงสาธารณสุข ร่วมเป็นเกียรติในครั้งนี้ ว่า รัฐบาลให้ความสำคัญเรื่องการพัฒนาส้วมสาธารณะไทยเป็นวาระแห่งชาติ โดยคณะรัฐมนตรีได้ให้ความเห็นชอบแผนแม่บทพัฒนาส้วมสาธารณะไทยระยะที่ 3 (พ.ศ.2556-2559) เมื่อวันที่ 19 กุมภาพันธ์ 2556 ซึ่งในฐานะประธานคณะกรรมการพัฒนาส้วมสาธารณะไทยจึงได้กำหนดนโยบาย อำนวยการและติดตามการดำเนินงานพัฒนาส้วมสาธารณะให้ประสบความสำเร็จ โดยที่ผ่านมาได้รับความร่วมมือจากภาคีเครือข่ายด้วยดีมาโดยตลอด ทำให้ประชาชนได้ใช้บริการส้วมสาธารณะที่สะอาด เพียงพอ ปลอดภัย อาทิ ส้วมสาธารณะในปั๊มน้ำมัน ร้านจำหน่ายอาหาร สถานที่ราชการ โรงพยาบาล ห้างสรรพสินค้าและศูนย์การค้าต่างๆ เป็นต้น ซึ่งได้พัฒนาและปรับปรุงจนได้มาตรฐาน HAS ของกรมอนามัยเพิ่มขึ้น ดร.ปลอดประสพ กล่าวต่อไปว่า ในส่วนของสถานบริการสาธารณสุขต้นแบบลดโลกร้อนนั้น นับเป็นโครงการที่ดีและเป็นการแสดงความรับผิดชอบต่อสังคม เนื่องจากสถานบริการสาธารณสุขเป็นจุดศูนย์กลางของชุมชน การพัฒนาเป็นต้นแบบลดโลกร้อน ย่อมสามารถขยายแนวคิดนำไปสู่การปฏิบัติที่เข้มแข็งร่วมกับภาคีเครือข่ายและประชาชน ซึ่งการมอบโล่ประกาศเกียรติคุณแก่ผู้มีบทบาทดีเด่นด้านการพัฒนาส้วมสาธารณะ จำนวน 2 ท่าน จากสำนักงานสาธารณสุขจังหวัดสกลนคร และลพบุรี รางวัลสุดยอดส้วมแห่งปี 2555 จำนวน 23 แห่ง อาทิ โรงเรียนวัดโคกหม้อ จังหวัดลพบุรี โรงพยาบาลวานรนิวาส จังหวัดสกลนคร ตลาดกลางบางใหญ่ จังหวัดนนทบุรี และสถานบริการสาธารณสุขต้นแบบลดโลกร้อน จำนวน 82 แห่ง อาทิ โรงพยาบาลปทุมธานี โรงพยาบาลพระนครศรีอยุธยา โรงพยาบาลวิเศษชัยชาญ โรงพยาบาลพระพุทธบาท ในครั้งนี้ จึงถือเป็นการยกย่องและประกาศเกียรติคุณ อีกทั้งยังเป็นการสร้างขวัญกำลังใจให้แก่เจ้าของส้วมสาธารณะ และสถานบริการสาธารณสุขในการดำเนินงานเพื่อให้ประชาชนอยู่ในสิ่งแวดล้อมที่เอื้อต่อการมีสุขภาพที่ดีอย่างยั่งยืน ทางด้าน นายแพทย์ณัฐพร วงษ์ศุทธิภากร รองอธิบดีกรมอนามัย กล่าวว่า ผลจากการที่กรมอนามัยได้สำรวจส้วมสาธารณะทั่วประเทศเมื่อปี 2547 พบว่า ส้วมสาธารณะมีปัญหาเกี่ยวกับความสกปรก กลิ่นเหม็น การทำความสะอาดที่ ไม่ดีพอ และการชำรุดของถังเก็บกักสิ่งปฏิกูล ทำให้เป็นแหล่งก่อให้เกิดการแพร่กระจายของเชื้อโรค ส่งผลกระทบต่อผู้ใช้บริการและชุมชนบริเวณใกล้เคียง ดังนั้น ในปี 2548 กรมอนามัยจึงได้จัดทำแผนพัฒนาส้วมสาธารณะไทย และกำหนดเกณฑ์มาตรฐานส้วมสาธารณะ (HAS) โดยเน้น 3 ประเด็นสำคัญคือ สะอาด (Health) เพียงพอ (Accessibility) และปลอดภัย (Safety) มีการขับเคลื่อนโครงการร่วมกับภาคีเครือข่ายทั้งภาครัฐและเอกชน เพื่อพัฒนาและปรับปรุงส้วมสาธารณะในสถานที่สาธารณะสำคัญ 12 ประเภทที่ประชาชนจำเป็นต้องใช้มากที่สุด ซึ่งการดำเนินงานประสบผลสำเร็จเป็นลำดับมาอย่างต่อเนื่อง โดยปัจจุบันมีส้วมสาธารณะที่ได้มาตรฐานครอบคลุมร้อยละ 62.45 \\ทั้งนี้ สำหรับโครงการสาธารณสุขรวมใจรณรงค์ลดโลกร้อน ด้วยการสุขาภิบาลอย่างยั่งยืนและเป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม กรมอนามัยได้เริ่มดำเนินการขึ้นในปี 2553 มีเป้าหมายให้สถานบริการสาธารณสุขในสังกัดสำนักงานปลัดกระทรวงสาธารณสุข เป็นแบบอย่างในการดำเนินงานเพื่อลดภาวะโลกร้อนในสถานบริการฯ โดยใช้หลักการ GREEN & CLEAN ประกอบด้วย กิจกรรม GREEN G : Garbage คือการจัดการมูลฝอยและการใช้ประโยชน์จากสิ่งปฏิกูล R : Restroom คือ การพัฒนาส้วมในสถานบริการสาธารณสุขให้ได้มาตรฐานส้วมสาธารณะไทย (HAS) E : Energy คือ การลดการใช้พลังงาน หรือใช้พลังงานทดแทนจากชีวภาพและชีวมวล E : Environment คือ การจัดการสิ่งแวดล้อมที่ช่วยลดโลกร้อนและเอื้อต่อสุขภาพ และ N : Nutrition รณรงค์อาหารปลอดสารพิษ การปลูกผักเพื่อบริโภคในครัวเรือน ลดการใช้สารเคมี รวมทั้งพัฒนาโปรแกรมคำนวณคาร์บอนฟุตพริ้น เพื่อให้สถานบริการสาธารณสุขใช้คำนวณปริมาณการปล่อยก๊าซเรือนกระจกของหน่วยงาน และนำมาวางแผนปรับปรุงการลดปริมาณการปล่อยก๊าซเรือนกระจก รวมทั้งประเมินผลความสำเร็จของการดำเนินโครงการ ส่งผลให้ปัจจุบันมีสถานบริการสาธารณสุขสมัครเข้าร่วมโครงการ จำนวน 3,878 แห่ง และดำเนินกิจกรรมลดโลกร้อนจนประสบความสำเร็จตามเป้าหมาย สามารถเป็นแหล่งเรียนรู้ด้านการลดโลกร้อนให้แก่หน่วยงานอื่นและประชาชนอีกด้วย รองอธิบดีกรมอนามัย กล่าว ***กลุ่มสื่อสารองค์กร/ 5 กันยายน 2556