ข่าวแจกกรมอนามัย คาด เด็กไทย 260,000 คน สายตาแย่ ต้องใส่แว่น จับมือกรมการแพทย์ สร้างครู ก. คัดกรองสายตาเด็ก""
กรมอนามัย กระทรวงสาธารณสุข ร่วมกับกรมการแพทย์ ประชุมพัฒนาศักยภาพบุคลากรสาธารณสุขระดับจังหวัด สร้างทีมครู ก. ร่วมคัดกรองสายตานักเรียนและแก้ไขภาวะสายตาผิดปกติ คาดว่า ทั่วประเทศมีนักเรียนประมาณ 260,000 คนต้องใส่แว่นสายตา
วันนี้ (17 กุมภาพันธ์ 2559) นายแพทย์วชิระ เพ็งจันทร์ อธิบดีกรมอนามัย เปิดเผยภายหลังเป็นประธานเปิดการประชุมพัฒนาศักยภาพบุคลากรสาธารณสุขระดับจังหวัดในการดำเนินงานตรวจสายตานักเรียน ภายใต้โครงการเด็กไทยสายตาดี เพื่อเพิ่มโอกาสการเรียนรู้ตามนโยบาย "ลดเวลาเรียน เพิ่มเวลารู้? ณ โรงแรม แอมบาสเดอร์ สุขุมวิท 11 กรุงเทพมหานคร ว่า แนวโน้มสถานการณ์สุขภาพของเด็กวัยเรียนที่ส่งผลต่อการพัฒนาการเรียนรู้ และการเติบโต คือ หูตึง สายตาสั้น ความผิดปกติของสมอง สภาวะตาบอด ตาเลือนราง และ โรคตาที่เป็นสาเหตุสำคัญและเป็นปัญหาสาธารณสุขในกลุ่มประชากรเด็กไทย อายุ 1-14 ปี จากการคัดกรองภาวะสายตาผิดปกติโดยครูในกลุ่มเด็กก่อนประถมศึกษาและประถมศึกษาในโรงเรียน จำนวน 17 แห่ง ในพื้นที่ 4 จังหวัด ได้แก่ จังหวัดสุมทรปราการ สุราษฎร์ธานี ลำพูน และนครพนม พบว่า เด็กมีภาวะสายตาผิดปกติ ร้อยละ 6.6 และจำเป็นต้องใส่แว่นสายตา ร้อยละ 4.1 โดยประมาณการในภาพรวมของประเทศคาดว่าจะมีเด็กนักเรียนจำเป็นต้องใส่แว่นสายตา ประมาณ 260,000 คน เพื่อลดปัญหาตาบอดจากสภาวะสายตาผิดปกติ
นายแพทย์วชิระ กล่าวต่อไปว่า กระบวนการสำคัญที่จะทำให้การดำเนินงานมีประสิทธิภาพและประสบผลสำเร็จนั้น กระทรวงสาธารณสุข จำเป็นต้องอาศัยความร่วมมือจากภาคีเครือข่ายหลายภาคส่วน ทั้งฝ่ายสาธารณสุข และฝ่ายการศึกษา ตั้งแต่การตรวจคัดกรอง และกระบวนการส่งต่อเพื่อทำการรักษา ช่วยเหลือและแก้ไข ซึ่งการประชุมพัฒนาศักยภาพบุคลากรสาธารณสุขระดับจังหวัดในการดำเนินงานตรวจสายตานักเรียนฯ ในครั้งนี้ เพื่อสร้างทีมวิทยากรระดับจังหวัด หรือครู ก. ที่จะเป็นผู้ถ่ายทอดองค์ความรู้ ทักษะ และแนวทางการตรวจคัดกรองสายตานักเรียนและแก้ไขภาวะสายตาผิดปกติของนักเรียน สู่บุคลากรในระดับพื้นที่ได้อย่างมีคุณภาพต่อไป โดยขอให้บุคลากรสาธารณสุขทุกระดับเตรียมเด็กวัยเรียนให้มีความพร้อมเรียนรู้ สามารถมองเห็นได้ชัดเจน ด้วยการร่วมกับทางโรงเรียนตรวจคัดกรองสายตา และส่งต่อแก้ไขหากพบความผิดปกติ "ทั้งนี้ โครงการเด็กไทยสายตาดี ของกระทรวงสาธารณสุขเป็นความร่วมมือจากกรมอนามัย กรมการแพทย์ และหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ดำเนินงานเพื่อสนับสนุนนโยบายรัฐบาล "ลดเวลาเรียน เพิ่มเวลารู้? โดยให้ความสำคัญ ในเรื่องของสายตาและการมองเห็นของเด็ก ซึ่งเป็นจุดเริ่มต้นนำไปสู่การพัฒนาการทางสมองและการเรียนรู้ อย่างต่อเนื่อง ให้เกิดกระบวนการจดจำ คิด และสร้างสรรค์จนกลายเป็นการเรียนรู้ ความฉลาด และนำไปสู่พัฒนาการด้านอื่นตามมา โดยให้มีการตรวจวัดสายตานักเรียนชั้นประถมศึกษาปีที่ 1 และแก้ไขความผิดปกติ อย่างเหมาะสมทันเวลา อันจะส่งผลให้ทั้งสามารถลดความชุกของภาวะตาบอดและตาเลือนรางในเด็กไทย และ ในปีการศึกษา 2560 กระทรวงสาธารณสุข มีเป้าหมายที่จะขยายผลในการตรวจวัดสายตานักเรียนชั้นอนุบาลปีที่ 1 ต่อไป? อธิบดีกรมอนามัย กล่าวในที่สุด
***
สำนักสื่อสารและตอบโต้ความเสี่ยง/17 กุมภาพันธ์ 2559
กรมอนามัย กระทรวงสาธารณสุข ร่วมกับกรมการแพทย์ ประชุมพัฒนาศักยภาพบุคลากรสาธารณสุขระดับจังหวัด สร้างทีมครู ก. ร่วมคัดกรองสายตานักเรียนและแก้ไขภาวะสายตาผิดปกติ คาดว่า ทั่วประเทศมีนักเรียนประมาณ 260,000 คนต้องใส่แว่นสายตา วันนี้ (17 กุมภาพันธ์ 2559) นายแพทย์วชิระ เพ็งจันทร์ อธิบดีกรมอนามัย เปิดเผยภายหลังเป็นประธานเปิดการประชุมพัฒนาศักยภาพบุคลากรสาธารณสุขระดับจังหวัดในการดำเนินงานตรวจสายตานักเรียน ภายใต้โครงการเด็กไทยสายตาดี เพื่อเพิ่มโอกาสการเรียนรู้ตามนโยบาย ลดเวลาเรียน เพิ่มเวลารู้ ณ โรงแรม แอมบาสเดอร์ สุขุมวิท 11 กรุงเทพมหานคร ว่า แนวโน้มสถานการณ์สุขภาพของเด็กวัยเรียนที่ส่งผลต่อการพัฒนาการเรียนรู้ และการเติบโต คือ หูตึง สายตาสั้น ความผิดปกติของสมอง สภาวะตาบอด ตาเลือนราง และ โรคตาที่เป็นสาเหตุสำคัญและเป็นปัญหาสาธารณสุขในกลุ่มประชากรเด็กไทย อายุ 1-14 ปี จากการคัดกรองภาวะสายตาผิดปกติโดยครูในกลุ่มเด็กก่อนประถมศึกษาและประถมศึกษาในโรงเรียน จำนวน 17 แห่ง ในพื้นที่ 4 จังหวัด ได้แก่ จังหวัดสุมทรปราการ สุราษฎร์ธานี ลำพูน และนครพนม พบว่า เด็กมีภาวะสายตาผิดปกติ ร้อยละ 6.6 และจำเป็นต้องใส่แว่นสายตา ร้อยละ 4.1 โดยประมาณการในภาพรวมของประเทศคาดว่าจะมีเด็กนักเรียนจำเป็นต้องใส่แว่นสายตา ประมาณ 260,000 คน เพื่อลดปัญหาตาบอดจากสภาวะสายตาผิดปกติ นายแพทย์วชิระ กล่าวต่อไปว่า กระบวนการสำคัญที่จะทำให้การดำเนินงานมีประสิทธิภาพและประสบผลสำเร็จนั้น กระทรวงสาธารณสุข จำเป็นต้องอาศัยความร่วมมือจากภาคีเครือข่ายหลายภาคส่วน ทั้งฝ่ายสาธารณสุข และฝ่ายการศึกษา ตั้งแต่การตรวจคัดกรอง และกระบวนการส่งต่อเพื่อทำการรักษา ช่วยเหลือและแก้ไข ซึ่งการประชุมพัฒนาศักยภาพบุคลากรสาธารณสุขระดับจังหวัดในการดำเนินงานตรวจสายตานักเรียนฯ ในครั้งนี้ เพื่อสร้างทีมวิทยากรระดับจังหวัด หรือครู ก. ที่จะเป็นผู้ถ่ายทอดองค์ความรู้ ทักษะ และแนวทางการตรวจคัดกรองสายตานักเรียนและแก้ไขภาวะสายตาผิดปกติของนักเรียน สู่บุคลากรในระดับพื้นที่ได้อย่างมีคุณภาพต่อไป โดยขอให้บุคลากรสาธารณสุขทุกระดับเตรียมเด็กวัยเรียนให้มีความพร้อมเรียนรู้ สามารถมองเห็นได้ชัดเจน ด้วยการร่วมกับทางโรงเรียนตรวจคัดกรองสายตา และส่งต่อแก้ไขหากพบความผิดปกติ ทั้งนี้ โครงการเด็กไทยสายตาดี ของกระทรวงสาธารณสุขเป็นความร่วมมือจากกรมอนามัย กรมการแพทย์ และหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ดำเนินงานเพื่อสนับสนุนนโยบายรัฐบาล ลดเวลาเรียน เพิ่มเวลารู้ โดยให้ความสำคัญ ในเรื่องของสายตาและการมองเห็นของเด็ก ซึ่งเป็นจุดเริ่มต้นนำไปสู่การพัฒนาการทางสมองและการเรียนรู้ อย่างต่อเนื่อง ให้เกิดกระบวนการจดจำ คิด และสร้างสรรค์จนกลายเป็นการเรียนรู้ ความฉลาด และนำไปสู่พัฒนาการด้านอื่นตามมา โดยให้มีการตรวจวัดสายตานักเรียนชั้นประถมศึกษาปีที่ 1 และแก้ไขความผิดปกติ อย่างเหมาะสมทันเวลา อันจะส่งผลให้ทั้งสามารถลดความชุกของภาวะตาบอดและตาเลือนรางในเด็กไทย และ ในปีการศึกษา 2560 กระทรวงสาธารณสุข มีเป้าหมายที่จะขยายผลในการตรวจวัดสายตานักเรียนชั้นอนุบาลปีที่ 1 ต่อไป อธิบดีกรมอนามัย กล่าวในที่สุด *** สำนักสื่อสารและตอบโต้ความเสี่ยง/17 กุมภาพันธ์ 2559