ก
รมอนามัย ย้ำ พัฒนาการเด็กปฐมวัยสำคัญ จับมือภาคีจัดกิจกรรม สร้างการเรียนรู้
กรมอนามัย พร้อมให้ข้อมูลข่าวสารที่มีประโยชน์สำหรับคุณ
23
กุมภาพันธ์
2561
กรมอนามัย ย้ำ พัฒนาการเด็กปฐมวัยสำคัญ จับมือภาคีจัดกิจกรรม สร้างการเรียนรู้
กรมอนามัย กระทรวงสาธารณสุข ย้ำ พัฒนาการเด็กปฐมวัยสำคัญ จับมือภาคีเครือข่ายจัดกิจกรรมแข่งขันกีฬา สร้างการเรียนรู้กฎกติกา ส่งเสริมพัฒนาการสมวัยทั้งสติปัญญา อารมณ์ และสังคม วันนี้ (23 กุมภาพันธ์ 2561) แพทย์หญิงสายพิณ โชติวิเชียร ผู้อำนวยการสถาบันพัฒนาอนามัยเด็กแห่งชาติ เปิดเผยภายหลังเป็นประธานเปิดกิจกรรมสร้างสัมพันธ์ภาคีเครือข่ายในการส่งเสริมพัฒนาการเด็กปฐมวัย ณ สถาบันพัฒนาอนามัยเด็กแห่งชาติ ว่า เด็กปฐมวัย เป็นช่วงวัยที่สำคัญสุดในการพัฒนาสมองและการเรียนรู้ จึงจำเป็นต้องได้รับการส่งเสริมพัฒนาการทุก ๆ ด้านอย่างเหมาะสม เพื่อให้เด็กมีสุขภาพแข็งแรง มีสติปัญญาที่เฉลียวฉลาด มีคุณธรรม อยู่ในสังคมอย่างมีความสุข และมีความปลอดภัยในชีวิต แต่จากข้อมูลการสำรวจพัฒนาการเด็กของกรมอนามัยเมื่อปี 2560 กลับพบว่า เด็กแรกเกิด-2 ปี มีพัฒนาการไม่สมวัยร้อยละ 23.2 ส่วนเด็กอายุ 3-5 ปี มีพัฒนาการไม่สมวัยสูงถึงร้อยละ 42 หรือ 1 ใน 3 จำเป็นต้องเร่งค้นหาเด็กที่มีพัฒนาการล่าช้าให้ได้รับการส่งเสริมกระตุ้นพัฒนาการอย่างเหมาะสม ซึ่งพบว่า ร้อยละ 90 จะกลับมาปกติ ส่วนอีกร้อยละ 10 อาจมีปัญหาอื่น ๆ เช่น ออทิสติก หรือมีปัญหาด้านการเรียนรู้ ต้องได้รับการดูแลรักษา และการกระตุ้นพัฒนาการโดยผู้เชี่ยวชาญอย่างต่อเนื่อง
"ที่ผ่านมากรมอนามัยได้สนับสนุน ถ่ายทอด พัฒนาศักยภาพ พัฒนาขีดความสามารถให้กับหน่วยงานทั้งภายในและภายนอกในการเฝ้าระวังและส่งเสริมพัฒนาการเด็กปฐมวัย ซึ่งพ่อแม่ ผู้ปกครอง นับเป็นภาคีเครือข่ายสำคัญอย่างยิ่งในการส่งเสริมให้เด็กปฐมวัยได้เติบโตอย่างมีคุณภาพ จึงได้จัดกิจกรรมสร้างสัมพันธ์ภาคีเครือข่ายในการส่งเสริมพัฒนาการเด็กปฐมวัยขึ้น เพื่อเสริมสร้างประสบการณ์เรียนรู้ ส่งเสริมพัฒนาการที่สมวัยให้เด็กปฐมวัย และสร้างสัมพันธ์ภาคีเครือข่ายในการส่งเสริมพัฒนาการเด็กปฐมวัย ทั้งนี้ กิจกรรมกีฬาถือเป็นการออกกำลังกายที่มุ่งส่งเสริมให้เด็กมีสุขภาพดี มีพัฒนาการสมวัย ทั้งด้านร่างกาย อารมณ์ สังคมและสติปัญญา ตลอดจนให้เด็กกล้าแสดงออก ได้แสดงความสามารถทางด้านกีฬาตามความเหมาะสม และปลูกฝังให้รักการเล่นกีฬาจนเป็นนิสัย ซึ่งการเล่นกีฬาจะทำให้เด็กได้เรียนรู้กฎกติกา การแข่งขันที่ถูกต้อง รู้แพ้ รู้ชนะ รู้จักให้อภัย เพื่อเป็นแนวทางในการใช้ชีวิตในสังคมต่อไป? ผู้อำนวยการสถาบันพัฒนาอนามัยเด็กแห่งชาติ กล่าว
***
ศูนย์สื่อสารสาธารณะ / 23 กุมภาพันธ์ 2561
กรมอนามัย กระทรวงสาธารณสุข ย้ำ พัฒนาการเด็กปฐมวัยสำคัญ จับมือภาคีเครือข่ายจัดกิจกรรมแข่งขันกีฬา สร้างการเรียนรู้กฎกติกา ส่งเสริมพัฒนาการสมวัยทั้งสติปัญญา อารมณ์ และสังคม วันนี้ (23 กุมภาพันธ์ 2561) แพทย์หญิงสายพิณ โชติวิเชียร ผู้อำนวยการสถาบันพัฒนาอนามัยเด็กแห่งชาติ เปิดเผยภายหลังเป็นประธานเปิดกิจกรรมสร้างสัมพันธ์ภาคีเครือข่ายในการส่งเสริมพัฒนาการเด็กปฐมวัย ณ สถาบันพัฒนาอนามัยเด็กแห่งชาติ ว่า เด็กปฐมวัย เป็นช่วงวัยที่สำคัญสุดในการพัฒนาสมองและการเรียนรู้ จึงจำเป็นต้องได้รับการส่งเสริมพัฒนาการทุก ๆ ด้านอย่างเหมาะสม เพื่อให้เด็กมีสุขภาพแข็งแรง มีสติปัญญาที่เฉลียวฉลาด มีคุณธรรม อยู่ในสังคมอย่างมีความสุข และมีความปลอดภัยในชีวิต แต่จากข้อมูลการสำรวจพัฒนาการเด็กของกรมอนามัยเมื่อปี 2560 กลับพบว่า เด็กแรกเกิด-2 ปี มีพัฒนาการไม่สมวัยร้อยละ 23.2 ส่วนเด็กอายุ 3-5 ปี มีพัฒนาการไม่สมวัยสูงถึงร้อยละ 42 หรือ 1 ใน 3 จำเป็นต้องเร่งค้นหาเด็กที่มีพัฒนาการล่าช้าให้ได้รับการส่งเสริมกระตุ้นพัฒนาการอย่างเหมาะสม ซึ่งพบว่า ร้อยละ 90 จะกลับมาปกติ ส่วนอีกร้อยละ 10 อาจมีปัญหาอื่น ๆ เช่น ออทิสติก หรือมีปัญหาด้านการเรียนรู้ ต้องได้รับการดูแลรักษา และการกระตุ้นพัฒนาการโดยผู้เชี่ยวชาญอย่างต่อเนื่อง ที่ผ่านมากรมอนามัยได้สนับสนุน ถ่ายทอด พัฒนาศักยภาพ พัฒนาขีดความสามารถให้กับหน่วยงานทั้งภายในและภายนอกในการเฝ้าระวังและส่งเสริมพัฒนาการเด็กปฐมวัย ซึ่งพ่อแม่ ผู้ปกครอง นับเป็นภาคีเครือข่ายสำคัญอย่างยิ่งในการส่งเสริมให้เด็กปฐมวัยได้เติบโตอย่างมีคุณภาพ จึงได้จัดกิจกรรมสร้างสัมพันธ์ภาคีเครือข่ายในการส่งเสริมพัฒนาการเด็กปฐมวัยขึ้น เพื่อเสริมสร้างประสบการณ์เรียนรู้ ส่งเสริมพัฒนาการที่สมวัยให้เด็กปฐมวัย และสร้างสัมพันธ์ภาคีเครือข่ายในการส่งเสริมพัฒนาการเด็กปฐมวัย ทั้งนี้ กิจกรรมกีฬาถือเป็นการออกกำลังกายที่มุ่งส่งเสริมให้เด็กมีสุขภาพดี มีพัฒนาการสมวัย ทั้งด้านร่างกาย อารมณ์ สังคมและสติปัญญา ตลอดจนให้เด็กกล้าแสดงออก ได้แสดงความสามารถทางด้านกีฬาตามความเหมาะสม และปลูกฝังให้รักการเล่นกีฬาจนเป็นนิสัย ซึ่งการเล่นกีฬาจะทำให้เด็กได้เรียนรู้กฎกติกา การแข่งขันที่ถูกต้อง รู้แพ้ รู้ชนะ รู้จักให้อภัย เพื่อเป็นแนวทางในการใช้ชีวิตในสังคมต่อไป ผู้อำนวยการสถาบันพัฒนาอนามัยเด็กแห่งชาติ กล่าว *** ศูนย์สื่อสารสาธารณะ / 23 กุมภาพันธ์ 2561