กรมอนามัย พร้อมให้ข้อมูลข่าวสารที่มีประโยชน์สำหรับคุณ
กรม อ. เผยปี?54 ปีทองแห่งการดูแลสุขภาพช่องปากผู้สูงอายุไทย
ตั้งเป้าใส่ฟันเทียม 30,000 ราย หนุน ชมรมผู้สูงอายุดูแลสุขภาพช่องปากตนเอง 1
อำเภอ 1 ชมรม
กรมอนามัย
กระทรวงสาธารณสุข ร่วมเฉลิมพระเกียรติพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว
เนื่องในโอกาสพระราชพิธีมหามงคลเฉลิมพระชนมพรรษา 7 รอบ 5 ธันวาคม 2554
ตั้งเป้าใส่ฟันเทียมทั้งปากผู้สูงอายุปีละ 30,000 ราย
และส่งเสริมชมรมผู้สูงอายุจัดกิจกรรมส่งเสริมสุขภาพช่องปาก 1 อำเภอ 1 ชมรม เพื่อการมีสุขภาพช่องปากที่ดี
วันนี้ (20 ธันวาคม 2553)
ดร.นพ.สมยศ ดีรัศมี อธิบดีกรมอนามัย เปิดเผยภายหลังเป็นประธานเปิดการประชุมเชิงปฏิบัติการเรื่อง
การจัดบริการและสนับสนุนการจัดบริการในโครงการฟันเทียมพระราชทานและการส่งเสริมสุขภาพช่องปากผู้สูงอายุ
เฉลิมพระเกียรติพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว? ณ
ห้องแกรนด์ฮอลล์ 1
โรงแรมรามาการ์เด้นส์
กรุงเทพมหานคร ว่า
กรมอนามัยได้สนองกระแสพระราชดำรัสของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวเมื่อเดือนเมษายน
2547 ความว่า ...เวลาไม่มีฟัน
กินอะไรก็ไมอร่อย ทำให้ไม่มีความสุข จิตใจก็ไม่สบาย
ร่างกายก็ไม่แข็งแรง? ประกอบกับผลการสำรวจสภาวะทันตสุขภาพโดยกรมอนามัยพบว่า
ปัญหาสุขภาพช่องปากที่สำคัญในกลุ่มผู้สูงอายุคือ การสูญเสียฟันจนไม่สามารถเคี้ยวอาหารได้
โดยได้ร่วมกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องทั้งภาครัฐและเอกชนร่วมกันดำเนินงานโครงการ ฟันเทียมพระราชทานและส่งเสริมสุขภาพช่องปากผู้สูงอายุตั้งแต่ปี
2548 เป็นต้นมา เพื่อมุ่งหวังให้ผู้สูงอายุมีฟันใช้เคี้ยวอาหารได้อย่างเหมาะสม
เพื่อสุขภาพและคุณภาพชีวิตที่ดี
ซึ่งขณะมีสามารถดำเนินการใส่ฟันเทียมให้กับผู้สูงอายุแล้วทั้งสิ้น 196,619 ราย
ดร.นพ.สมยศ กล่าวต่อไปว่า สำหรับในปี 2554
ซึ่งรัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุขได้ประกาศให้เป็นปีทองแห่งการดูแลสุขภาพช่องปากผู้สูงอายุไทย
เฉลิมพระเกียรติพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว เนื่องในโอกาสพระราชพิธีมหา-มงคลเฉลิมพระชนมพรรษา
7 รอบ 5 ธันวาคม 2554 นั้น กรมอนามัยได้จัดบริการรองรับการแก้ปัญหาสุขภาพช่องปากในกลุ่มผู้สูงอายุ
ได้แก่ บริการใส่ฟันเทียม และการส่งเสริมสนับสนุนให้ผู้สูงอายุได้ดูแลสุขภาพช่องปากด้วยตนเอง
ผ่านทางชมรมผู้สูงอายุซี่งมีทั่วประเทศ
โดยมีเป้าหมายหลักคือการใส่ฟันเทียมทั้งปากปีละ 30,000 ราย
และส่งเสริมชมรมผู้สูงอายุจัดกิจกรรมส่งเสริมสุขภาพช่องปาก 1 อำเภอ 1 ชมรม
เพื่อให้สมาชิก 800 ชมรม ประมาณ 84,000 คน
ได้ดูแลอนามัยช่องปากตนเอง
ดร.นพ.สมยศ
กล่าวต่อว่า การดำเนินงานในปี 2554
นอกจากการจัดบริการโดยทันตบุคลากรทั่วประเทศแล้ว ยังเปิดโอกาสให้ท้องถิ่นและชมรมผู้สูงอายุเข้ามามีส่วนร่วม
เพราะคาดว่าในอีก 10 ปีข้างหน้า สัดส่วนประชากรสูงอายุ จะเป็นร้อยละ 20 หรือ 1 ใน
5 ของประชากรทั้งประเทศ พร้อม ๆ
กับปัญหาสุขภาพและสุขภาพข่องปากที่จะเพิ่มขึ้น
จึงต้องมีการบูรณาการบางกิจกรรมกับงานส่งเสริมสุขภาพผู้สูงอายุด้านอื่น ๆ
เช่น การออกกำลังกาย งานโภชนาการ
การตรวจสุขภาพประจำปี หรือบูรณาการกิจกรรมกับเทคโนโลยีทางทันตกรรมขั้นสูง เช่น
การใส่ฟันเทียมกับการทำ รากฟันเทียม เป็นต้น
ทั้งนี้ โครงการฟันเทียมพระราชทานและการส่งเสริมสุขภาพช่องปากผู้สูงอายุ
เป็นส่วนหนึ่งของประเด็นยุทธศาสตร์กรมอนามัยด้านการส่งเสริมสุขภาพผู้สูงอายุ
ซึ่งมุ่งหวังให้ผู้สูงอายุมีสุขภาพดี ประกอบด้วย 1) มีสุขภาพดี ทั้งร่างกาย จิตใจ และสังคม 2) มีฟันใช้เคี้ยวอาหารได้อย่างเหมาะสม 3)
มีดัชนีมวลกายอยู่ในเกณฑ์ปกติ 4) มีการออกกำลังกายอย่างสม่ำเสมอ และ 5)
สามารถช่วยเหลือตนเองและผู้อื่นได้ตามอัตภาพ? อธิบดีกรมอนามัย
กล่าวในที่สุด
***กลุ่มสื่อสารองค์กร / 20
ธันวาคม 2553