กรมอนามัย กระทรวงสาธารณสุข จัดอบรมหลักสูตรเจริญรอยตามพระยุคลบาท พัฒนาโรงเรียนต้นแบบเด็กไทยแก้มใส? สำหรับทีมวิทยากรระดับจังหวัด ? เขต เพื่อน้อมนำรูปแบบที่ดีด้านการจัดการอาหาร โภชนาการ และสุขภาพนักเรียนอย่างครบวงจร ภายใต้โครงการตามพระราชดำริของสมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี สู่การปฏิบัติใน 556 โรงเรียน
วันนี้ (5 มกราคม 2558) นายแพทย์ณรงค์ สายวงศ์ รองอธิบดีกรมอนามัย เปิดเผยภายหลังเป็นประธานเปิด การอบรมหลักสูตร เจริญรอยตามพระยุคลบาท พัฒนาโรงเรียนต้นแบบเด็กไทยแก้มใส? สำหรับทีมวิทยากรระดับ จังหวัด ? เขต ณ โรงแรมเอเชีย แอร์พอร์ท จังหวัดปทุมธานี ว่า สมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี ได้ทรงงานโครงการเกษตรเพื่ออาหารกลางวัน มาตั้งแต่ปี 2523 จนทำให้เด็กในโรงเรียนโครงการตามพระราชดำริ มีภาวะโภชนาการและสุขภาพดีขึ้น ทำให้คุณภาพชีวิตด้านต่าง ๆ ดีขึ้น รวมถึงการเรียนรู้ การฝึกปฏิบัติ ด้านการเกษตร สหกรณ์ และโภชนาการ กรมอนามัยจึงได้จัดอบรมหลักสูตร เจริญรอยตามพระยุคลบาท พัฒนาโรงเรียนต้นแบบเด็กไทยแก้มใส? สำหรับทีมวิทยากรระดับจังหวัด ? เขต ในครั้งนี้ขึ้น เพื่อเป็นการจุดประกายและส่งเสริมให้ทีมวิทยากรระดับจังหวัด และเขต มีความรู้ทักษะและความสามารถในการจัดการให้เกิดการนำความรู้สู่การปฏิบัติได้อย่างมีประสิทธิภาพ ตลอดจนผลักดันให้เกิดความมุ่งมั่น ร่วมมือ สนับสนุน และดำเนินงานอย่างต่อเนื่อง เพื่อให้เด็กไทยมีภาวะโภชนาการสมวัย และสุขภาพดีอย่างยั่งยืน โดยน้อมนำรูปแบบที่ดีด้านการจัดการอาหาร โภชนาการ และสุขภาพนักเรียนอย่างครบวงจรสู่การปฏิบัติใน 556 โรงเรียน เพื่อเฉลิมพระเกียรติสมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารีเจริญพระชนมายุครบ 60 พรรษา
นายแพทย์ณรงค์ กล่าวต่อไปว่า จากข้อมูลการเฝ้าระวังติดตามการเจริญเติบโตในเด็กนักเรียนอายุ 6 ? 12 ปี จำนวน 1,492,089 คน จาก 76 จังหวัด ของกรมอนามัย ปี 2555 พบว่า นักเรียนมีภาวะอ้วน จำนวน 187,000 คน คิดเป็นร้อยละ 12.5 เตี้ย จำนวน 254,620 คน คิดเป็นร้อยละ 17.0 และผอม จำนวน 99,112 คน คิดเป็นร้อยละ 6.6 ปัญหาดังกล่าวส่งผลกระทบต่อสุขภาพเด็กนักเรียนที่เตี้ยและผอม จะมีสติปัญญาด้อย เรียนรู้ช้า ภูมิต้านทานโรคต่ำ ติดเชื้อได้ง่าย เด็กนักเรียนที่มีภาวะอ้วนเสี่ยงต่อการเกิดโรคเรื้อรังต่าง ๆ เช่น เบาหวาน ความดันโลหิตสูง โรคหัวใจและ หลอดเลือด เป็นต้น ซึ่งสาเหตุสำคัญส่วนใหญ่เกิดจากพฤติกรรมโภชนาการที่ไม่ถูกต้อง รวมทั้งขาดการออกกำลังกาย อย่างต่อเนื่อง จึงจำเป็นต้องมีการเฝ้าระวังและสนับสนุนการบริโภคอาหารกลางวันที่มีคุณค่าทางโภชนาการและมีปริมาณ ที่เหมาะสมตรงกับความต้องการของร่างกายเด็กวัยเรียน
ทั้งนี้ การพัฒนาโรงเรียนต้นแบบเด็กไทยแก้มใส ถือเป็นโครงการขยายผลโครงการตามพระราชดำริฯ เพื่อที่จะเป็นการผ่อนเบาพระราชกรณียกิจของสมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี ไปสู่โรงเรียนทุกสังกัดนอกเหนือไปจากโรงเรียนตำรวจตระเวนชายแดน หรือโรงเรียนที่อยู่ในท้องถิ่นที่ห่างไกล โดยกำหนดเป้าหมายการดำเนินงานในระยะ 3 ปี (พ.ศ. 2557 - 2560) พัฒนาโรงเรียนต้นแบบฯให้ครอบคลุมโรงเรียนทุกสังกัดไม่น้อยกว่า 5,400 โรงเรียน โดยโรงเรียนที่ร่วมโครงการฯจะน้อมนำ 8 กิจกรรมสำคัญ คือ
1) เกษตรในโรงเรียน
2) สหกรณ์นักเรียน
3) การจัดบริการอาหารของโรงเรียน
4) การติดตามภาวะโภชนาการนักเรียน
5) การพัฒนาสุขนิสัยนักเรียน
6) การพัฒนางานอนามัยสิ่งแวดล้อมในโรงเรียนให้ถูกสุขลักษณะ
7) การจัดบริการสุขภาพในโรงเรียน และ
8) การเรียนรู้เกษตร โภชนาการ และสุขภาพอนามัย
สู่การปฎิบัติอย่างต่อเนื่องจนสามารถลดปัญหานักเรียนอ้วน ผอม เตี้ยได้อย่างน้อยร้อยละ 0.5 ต่อปีเมื่อเทียบกับสถานการณ์เดิมของโรงเรียน และร้อยละ 70 ของนักเรียนมีสุขนิสัยที่พึงประสงค์และมีสมรรถภาพทางกายเหมาะสมตามวัย ภายในปี 2560 จะส่งผลให้ภาวะทุพโภชนาการในภาพรวมของประเทศลดลงตามเป้าหมายของกระทรวงสาธารณสุข กล่าวคือนักเรียนไทยมีภาวะอ้วนไม่เกินร้อยละ 10 ภาวะผอมไม่เกินร้อยละ 7 และภาวะเตี้ยไม่เกินร้อยละ 5 รวมทั้งปัญหาฟันผุในนักเรียนลดลงหรือไม่เพิ่มขึ้น? รองอธิบดีกรมอนามัย กล่าวในที่สุด
***
สำนักสื่อสารและตอบโต้ความเสี่ยง / 5 มกราคม 2558