คุณกำลังมองหาอะไร?

รมอนามัย จับมือ คณะสาธารณสุขศาสตร์ ม.มหิดล ลงนาม MOU ความร่วมมือขับเคลื่อนความรอบรู้ด้านสุขภาพของประชาชนไทย สังคมไทยรอบรู้ด้านสุขภาพ

กรมอนามัย พร้อมให้ข้อมูลข่าวสารที่มีประโยชน์สำหรับคุณ

05.01.2561
25
0
แชร์
05
มกราคม
2561

กรมอนามัย จับมือ คณะสาธารณสุขศาสตร์ ม.มหิดล ลงนาม MOU ความร่วมมือขับเคลื่อนความรอบรู้ด้านสุขภาพของประชาชนไทย สังคมไทยรอบรู้ด้านสุขภาพ

       กรมอนามัย กระทรวงสาธารณสุข ร่วมกับคณะสาธารณสุขศาสตร์ มหาวิทยาลัยมหิดล ลงนามบันทึกข้อตกลงความร่วมมือการดำเนินงานพัฒนาองค์กรรอบรู้ด้านสุขภาพประชาชนและขับเคลื่อนความรอบรู้ด้านสุขภาพ (Health Literacy) ของประชาชน เพื่อเสริมสร้างทักษะด้านสติปัญญาแก่ประชาชนมีสุขภาพดีสมวัยตลอดช่วงชีวิต โดยสามารถเข้าถึงข้อมูลสุขภาพที่ถูกต้องและทันสมัย จนนำไปสู่การเป็น "สังคมไทยรอบรู้ด้านสุขภาพ? ในยุคไทยแลนด์ 4.0
       วันนี้ (5 มกราคม 2561) นายแพทย์วชิระ เพ็งจันทร์ อธิบดีกรมอนามัย เปิดเผยภายหลังพิธีลงนามบันทึกข้อตกลงความร่วมมือการดำเนินงานพัฒนาองค์กรรอบรู้ด้านสุขภาพประชาชน ณ ห้องประชุมกำธรสุวรรณกิจ อาคาร 1 ชั้น 1 กรมอนามัยว่า จากการศึกษาวิจัยช่วง 20 ปีที่ผ่านมา พบว่า ในกลุ่มประชากรที่มีความรอบรู้ด้านสุขภาพไม่เพียงพอมักมีความรู้ด้านสุขภาพที่จำกัด มีอัตราการเสียชีวิตก่อนวัยอันควรและการใช้บริการรักษาพยาบาลโดยไม่จำเป็นในอัตราที่สูงกว่ากลุ่มประชากรที่มีความรอบรู้ด้านสุขภาพที่เพียงพอนอกจากนี้ จากการสำรวจของกองสุขศึกษา กรมสนับสนุนบริการสุขภาพ กระทรวงสาธารณสุข ในปี 2557 พบว่า ระดับความรอบรู้ด้านสุขภาพของคนไทย ในกลุ่มอายุ 7 ? 18 ปี อยู่ในระดับพอใช้ร้อยละ 86.48 และระดับดีมาก ร้อยละ 5.25 หรือระดับความรอบรู้ด้านสุขภาพของคนไทย เรื่อง 3 อ 2 ส ได้แก่ อาหาร ออกกำลังกาย อารมณ์ ไม่สูบบุหรี่ ไม่ดื่มสุรา ในกลุ่มอายุ 15 ปีขึ้นไป อยู่ในระดับไม่ดีพอ ร้อยละ 59.4 พอใช้ ร้อยละ 39.0 และระดับดีมากเพียง ร้อยละ 1.6 เมื่อเทียบกับประเทศที่พัฒนาแล้ว อาทิ ประเทศสิงคโปร์ มีสัดส่วนประชากรที่มีความรอบรู้ด้านสุขภาพระดับดีถึงร้อยละ 76 หรือในแถบยุโรป เช่น เนเธอร์แลนด์ มีสัดส่วนประชากรที่มีความรอบรู้ด้านสุขภาพระดับดีถึงร้อยละ 70 นายแพทย์วชิระ กล่าวต่อไปว่า การพัฒนาองค์กรรอบรู้ด้านสุขภาพและยกระดับความรอบรู้ด้านสุขภาพของประชาชน ถือเป็นการวางรางฐานที่สำคัญให้กับคนไทยทุกคน เพื่อการมีสุขภาพที่ดีสมวัยในทุกช่วงชีวิต ดังนั้นความรอบรู้ด้านสุขภาพ (Health Literacy) จึงเป็นตัวช่วยให้ประชาชนไทยรู้เท่าทันสถานการณ์ ข้อมูลข่าวสาร และสุขภาพของตนเอง ด้วยการกลั่นกรอง ประเมิน และตัดสินใจ ที่จะปรับเปลี่ยนพฤติกรรม เลือกใช้บริการและผลิตภัณฑ์สุขภาพได้อย่างเหมาะสม โดยอาศัยความรู้ ข้อมูลสุขภาพ และบริการสุขภาพ จากหลายช่องทางจนสามารถจัดการสุขภาพด้วยตนเองได้ (Self-Management)
       "ทั้งนี้ การลงนามบันทึกข้อตกลงความร่วมมือการดำเนินงานพัฒนาองค์กรรอบรู้ด้านสุขภาพประชาชน ระหว่างกรมอนามัย กระทรวงสาธารณสุข และคณะสาธารณสุขศาสตร์ มหาวิทยาลัยมหิดล ในครั้งนี้ถือเป็นการผนึกกำลังกันระหว่างภาคสาธารณสุขและภาคการศึกษาในการพัฒนาบุคลากร ทั้งกลุ่มผู้บริหาร กลุ่มวิชาชีพ และบุคลากรระดับปฏิบัติการ ที่ใกล้ชิดกับประชาชนในระดับชุมชน เช่น กลุ่มอาสาสมัครสาธารณสุขประจำหมู่บ้าน (อสม.) อาสาสมัครประจำครอบครัว (อสค.) ผู้นำชุมชน และกลุ่มคณะกรรมการพัฒนาคุณภาพชีวิตระดับอำเภอ (พชอ.) ในการพัฒนาชุมชนและองค์กรรอบรู้ด้านสุขภาพ ศูนย์พัฒนาและรับรององค์กรรอบรู้ด้านสุขภาพ ( HLO Development and Accreditation Center) และเครื่องมือสำรวจความรอบรู้ด้านสุขภาพสำหรับประชาชนไทยอายุ 15 ปี ขึ้นไป โดยอาศัยความร่วมมือของทั้งสองหน่วยงานในการขับเคลื่อนการดำเนินงานให้เกิดขึ้น นำไปสู่การบรรลุวัตถุประสงค์ตามเป้าหมายของทั้งสององค์กร และเพื่อให้ประเทศไทยเป็นสังคมรอบรู้ด้านสุขภาพอย่างสมบูรณ์ต่อไป? อธิบดีกรมอนามัย กล่าวในที่สุด *
**
ศูนย์สื่อสารสาธารณะ/ 5 มกราคม 2561
กรมอนามัย กระทรวงสาธารณสุข ร่วมกับคณะสาธารณสุขศาสตร์ มหาวิทยาลัยมหิดล ลงนามบันทึกข้อตกลงความร่วมมือการดำเนินงานพัฒนาองค์กรรอบรู้ด้านสุขภาพประชาชนและขับเคลื่อนความรอบรู้ด้านสุขภาพ (Health Literacy) ของประชาชน เพื่อเสริมสร้างทักษะด้านสติปัญญาแก่ประชาชนมีสุขภาพดีสมวัยตลอดช่วงชีวิต โดยสามารถเข้าถึงข้อมูลสุขภาพที่ถูกต้องและทันสมัย จนนำไปสู่การเป็น สังคมไทยรอบรู้ด้านสุขภาพ ในยุคไทยแลนด์ 4.0 วันนี้ (5 มกราคม 2561) นายแพทย์วชิระ เพ็งจันทร์ อธิบดีกรมอนามัย เปิดเผยภายหลังพิธีลงนามบันทึกข้อตกลงความร่วมมือการดำเนินงานพัฒนาองค์กรรอบรู้ด้านสุขภาพประชาชน ณ ห้องประชุมกำธรสุวรรณกิจ อาคาร 1 ชั้น 1 กรมอนามัยว่า จากการศึกษาวิจัยช่วง 20 ปีที่ผ่านมา พบว่า ในกลุ่มประชากรที่มีความรอบรู้ด้านสุขภาพไม่เพียงพอมักมีความรู้ด้านสุขภาพที่จำกัด มีอัตราการเสียชีวิตก่อนวัยอันควรและการใช้บริการรักษาพยาบาลโดยไม่จำเป็นในอัตราที่สูงกว่ากลุ่มประชากรที่มีความรอบรู้ด้านสุขภาพที่เพียงพอนอกจากนี้ จากการสำรวจของกองสุขศึกษา กรมสนับสนุนบริการสุขภาพ กระทรวงสาธารณสุข ในปี 2557 พบว่า ระดับความรอบรู้ด้านสุขภาพของคนไทย ในกลุ่มอายุ 7 18 ปี อยู่ในระดับพอใช้ร้อยละ 86.48 และระดับดีมาก ร้อยละ 5.25 หรือระดับความรอบรู้ด้านสุขภาพของคนไทย เรื่อง 3 อ 2 ส ได้แก่ อาหาร ออกกำลังกาย อารมณ์ ไม่สูบบุหรี่ ไม่ดื่มสุรา ในกลุ่มอายุ 15 ปีขึ้นไป อยู่ในระดับไม่ดีพอ ร้อยละ 59.4 พอใช้ ร้อยละ 39.0 และระดับดีมากเพียง ร้อยละ 1.6 เมื่อเทียบกับประเทศที่พัฒนาแล้ว อาทิ ประเทศสิงคโปร์ มีสัดส่วนประชากรที่มีความรอบรู้ด้านสุขภาพระดับดีถึงร้อยละ 76 หรือในแถบยุโรป เช่น เนเธอร์แลนด์ มีสัดส่วนประชากรที่มีความรอบรู้ด้านสุขภาพระดับดีถึงร้อยละ 70 นายแพทย์วชิระ กล่าวต่อไปว่า การพัฒนาองค์กรรอบรู้ด้านสุขภาพและยกระดับความรอบรู้ด้านสุขภาพของประชาชน ถือเป็นการวางรางฐานที่สำคัญให้กับคนไทยทุกคน เพื่อการมีสุขภาพที่ดีสมวัยในทุกช่วงชีวิต ดังนั้นความรอบรู้ด้านสุขภาพ (Health Literacy) จึงเป็นตัวช่วยให้ประชาชนไทยรู้เท่าทันสถานการณ์ ข้อมูลข่าวสาร และสุขภาพของตนเอง ด้วยการกลั่นกรอง ประเมิน และตัดสินใจ ที่จะปรับเปลี่ยนพฤติกรรม เลือกใช้บริการและผลิตภัณฑ์สุขภาพได้อย่างเหมาะสม โดยอาศัยความรู้ ข้อมูลสุขภาพ และบริการสุขภาพ จากหลายช่องทางจนสามารถจัดการสุขภาพด้วยตนเองได้ (Self-Management) ทั้งนี้ การลงนามบันทึกข้อตกลงความร่วมมือการดำเนินงานพัฒนาองค์กรรอบรู้ด้านสุขภาพประชาชน ระหว่างกรมอนามัย กระทรวงสาธารณสุข และคณะสาธารณสุขศาสตร์ มหาวิทยาลัยมหิดล ในครั้งนี้ถือเป็นการผนึกกำลังกันระหว่างภาคสาธารณสุขและภาคการศึกษาในการพัฒนาบุคลากร ทั้งกลุ่มผู้บริหาร กลุ่มวิชาชีพ และบุคลากรระดับปฏิบัติการ ที่ใกล้ชิดกับประชาชนในระดับชุมชน เช่น กลุ่มอาสาสมัครสาธารณสุขประจำหมู่บ้าน (อสม.) อาสาสมัครประจำครอบครัว (อสค.) ผู้นำชุมชน และกลุ่มคณะกรรมการพัฒนาคุณภาพชีวิตระดับอำเภอ (พชอ.) ในการพัฒนาชุมชนและองค์กรรอบรู้ด้านสุขภาพ ศูนย์พัฒนาและรับรององค์กรรอบรู้ด้านสุขภาพ ( HLO Development and Accreditation Center) และเครื่องมือสำรวจความรอบรู้ด้านสุขภาพสำหรับประชาชนไทยอายุ 15 ปี ขึ้นไป โดยอาศัยความร่วมมือของทั้งสองหน่วยงานในการขับเคลื่อนการดำเนินงานให้เกิดขึ้น นำไปสู่การบรรลุวัตถุประสงค์ตามเป้าหมายของทั้งสององค์กร และเพื่อให้ประเทศไทยเป็นสังคมรอบรู้ด้านสุขภาพอย่างสมบูรณ์ต่อไป อธิบดีกรมอนามัย กล่าวในที่สุด *** ศูนย์สื่อสารสาธารณะ/ 5 มกราคม 2561

กรมอนามัย
เรามีสาระสุขภาพดีๆ
ส่งตรงถึงคุณ
ทุกวัน