กรมอนามัย พร้อมให้ข้อมูลข่าวสารที่มีประโยชน์สำหรับคุณ
กรมอนามัย เผยผู้สูงวัยเกือบครึ่งป่วยเรื้อรัง เร่งพัฒนาระบบบริการสุขภาพอย่างยั่งยืน
กรมอนามัย กระทรวงสาธารณสุข จัดประชุมสัมมนา สานสายใยภาคีเครือข่ายการส่งเสริมสุขภาพผู้สูงอายุระดับชาติ? เพื่อพัฒนาและสนับสนุนระบบการดูแลผู้สูงอายุระยะยาว
(Long Term Care)
วันนี้
(23 พฤศจิกายน 2553) ดร.นพ.สมยศ
ดีรัศมี อธิบดีกรมอนามัย
เปิดเผยภายหลังเป็นประธานเปิดการประชุมสัมมนา
สานสายใยภาคีเครือข่ายการส่งเสริมสุขภาพผู้สูงอายุระดับชาติ? ณ โรงแรมริชมอนด์จังหวัดนนทบุรี ว่าประเทศไทยได้ก้าวสู่สังคมผู้สูงอายุ
(Ageing Society)
หมายความว่าประเทศไทยมีผู้สูงอายุมากกว่าร้อยละ 10 ของจำนวนประชากรทั้งหมด ซึ่งจากการสำรวจของสำนักงานสถิติแห่งชาติที่ผ่านมา
พบว่าจำนวนและสัดส่วนของผู้สูงอายุประเทศไทยเพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็วและต่อเนื่อง โดยในปี
2550 มีจำนวนผู้สูงอายุ 7.0 ล้านคน หรือร้อยละ 10.7 และเพิ่มขึ้นในปี 2553
เป็นร้อยละ 11.8 ผู้สูงอายุร้อยละ 92.2
อาศัยอยู่ร่วมกับสมาชิกในครอบครัว มีเพียงร้อยละ
7.8 ที่อยู่คนเดียว และยังพบว่าผู้สูงอายุเกือบครึ่ง มีโรคเรื้อรัง
หรือโรคประจำตัว การช่วยเหลือตนเองไม่ได้ในชีวิตประจำวัน
และปัญหาทุพพลภาพ ทำให้ภาระการดูแลผู้สูงอายุมีแนวโน้มเพิ่มขึ้น จากร้อยละ 14.7
ในปี 2546 เป็นร้อยละ 16.1 ในปี 2550 จากสถิติดังกล่าวจะเห็นว่าประชากรผู้สูงอายุจำนวนไม่น้อยที่ต้องการความช่วยเหลือและการดูแลจากปัญหาโรคเรื้อรัง
และต้องการบริการด้านสาธารณสุขมากกว่ากลุ่มอื่น ซึ่งมีผลกระทบต่อการจัดบริการสาธารณสุขในอนาคต
ดร.นพ.สมยศ
กล่าวต่อไปว่า กรมอนามัย กระทรวงสาธารณสุข จึงได้ดำเนินงานพัฒนาระบบบริการดูแลสุขภาพผู้สูงอายุระยะยาว (Long Term Care) สร้างตำบลต้นแบบด้านการดูแลสุขภาพผู้สูงอายุระยะยาว
และการดูแลสุขภาพผู้สูงอายุที่บ้าน (Home
Health Care) โดยมีบุคลากรทางการแพทย์
และสาธารณสุข หรืออาสาสมัคร รวมถึงการพัฒนาศักยภาพชมรมเครือข่ายผู้สูงอายุ
สานสายใยสามัคคี สร้างศักดิ์ศรีผู้สูงวัย โดยชมรมผู้สูงอายุมีการดำเนินกิจกรรมมาตรฐานปกติได้แก่
การออกกำลังกายเพื่อสุขภาพ บริโภคอาหารที่สะอาดและ นอกจากนี้ยังมีกิจกรรมในการพัฒนาสังคม
เช่น การทำงานขยายผลเพื่อชุมชน การพัฒนาภาคีเครือข่ายสุขภาพผู้สูงอายุ (Health
Age Net) และการดำเนินงานวัดส่งเสริมสุขภาพ
ทั้งนี้
กรมอนามัยได้ดำเนินการส่งเสริมสุขภาพผู้สูงอายุในชุมชนโดยส่งเสริมการดำเนินงานวัดส่งเสริมสุขภาพ
และพัฒนาศักยภาพชมรมภาคีเครือข่ายดังกล่าวมาอย่างต่อเนื่อง โดยมีวัดที่ผ่านเกณฑ์ประเมิน
เป็นวัดส่งเสริมสุขภาพดีเด่น มีพิธีถวายโล่เกียรติคุณแก่วัดส่งเสริมสุขภาพ
ตั้งแต่ปี 2546 ถึงปัจจุบัน จำนวน 671 วัด และผ่านเกณฑ์ประเมินขั้นพื้นฐานของวัดส่งเสริมสุขภาพ
จำนวน 1,446 วัด รวมทั้งสิ้น 1,986 วัด และมอบโล่เกียรติคุณชมรมเครือข่ายผู้สูงอายุดีเด่น
จากทุกจังหวัดทั่วประเทศ ตั้งแต่ปีพ.ศ. 2545 จนถึงปัจจุบัน
รวม 430 ชมรม โดยในครั้งนี้มีวัดผ่านเกณฑ์เป็นวัดส่งเสริมสุขภาพดีเด่นที่ได้รับโล่เกียรติคุณดีเด่นจำนวน
129 วัด และชมรมผู้สูงอายุดีเด่นทุกจังหวัด จำนวน 83 ชมรม? อธิบดีกรมอนามัย
กล่าวในที่สุด
***กลุ่มสื่อสารองค์กร/
23 พฤศจิกายน 2553