คุณกำลังมองหาอะไร?

ข่า

ข่าวแจก"กรมอนามัย เผยวัยทำงาน ร้อยละ 60 เสี่ยงโรคออฟฟิศซินโดรม แนะปรับสถานที่ทำงานน่าอยู่ น่าทำงานให้ถูกหลัก"

กรมอนามัย พร้อมให้ข้อมูลข่าวสารที่มีประโยชน์สำหรับคุณ

25.08.2558
1220
0
แชร์
25
สิงหาคม
2558

ข่าวแจก"กรมอนามัย เผยวัยทำงาน ร้อยละ 60 เสี่ยงโรคออฟฟิศซินโดรม แนะปรับสถานที่ทำงานน่าอยู่ น่าทำงานให้ถูกหลัก"

        กรมอนามัย กระทรวงสาธารณสุข เผยคนวัยทำงานร้อยละ 60 มีภาวะโรคออฟฟิศซินโดรม พบ 3 อาการที่พบบ่อย ได้แก่ ปวดหลังเรื้อรัง ไมเกรน และมือชา เอ็นอักเสบ นิ้วล็อค ชวนสร้างสถานที่ทำงานน่าอยู่ น่าทำงาน "สะอาด ปลอดภัย สิ่งแวดล้อมดี มีชีวิตชีวา? สร้างบรรยากาศที่ดีในการทำงาน ลดภาวะเสี่ยงโรค
        วันนี้ (25 สิงหาคม 2558) ดร.นพ.พรเทพ ศิริวนารังสรรค์ อธิบดีกรมอนามัย เปิดเผยภายหลังเป็นประธานใน พิธีมอบเกียรติบัตรสถานที่ทำงานน่าอยู่ น่าทำงาน "สะอาด ปลอดภัย สิ่งแวดล้อมดี มีชีวิตชีวา? ณ โรงอาหารกรมอนามัยว่า ประชาชนส่วนใหญ่จะใช้เวลาอยู่ในสถานที่ทำงาน ซึ่งการได้อยู่ในสภาพแวดล้อมที่เหมาะสมในการทำงานจะไม่ก่อให้เกิดผลเสียต่อสุขภาพ โดยเฉพาะโรคออฟฟิศซินโดรม ที่พบได้บ่อยในคนทำงานออฟฟิศ ที่แทบไม่ได้เคลื่อนไหวร่างกาย ทำให้กล้ามเนื้อเกิดการตึงเครียด ก่อให้เกิดอาการกล้ามเนื้ออักเสบ ปวดเมื่อยหลัง ไหล่ คอ บ่า แขน ข้อมือ หากไม่ปรับเปลี่ยนพฤติกรรม อาการจะรุนแรงขึ้น จนถึงขั้นหมอนรองกระดูกเสื่อมหรือหมอนรองกระดูกกดทับเส้นประสาทได้ นอกจากนี้ ยังส่งผลกระทบต่อระบบทางเดินหายใจและภูมิแพ้ ซึ่งเป็นผลมาจากการอยู่ในที่อากาศถ่ายเทไม่สะดวก เครื่องปรับอากาศไม่สะอาด รวมไปถึงสารเคมีจากหมึกของเครื่องถ่ายเอกสาร เครื่องแฟกซ์ และเครื่องพิมพ์เอกสาร ที่อยู่ภายในห้องทำงานอีกด้วย ซึ่งจากการสำรวจพนักงานในสำนักพิมพ์แห่งหนึ่งของประเทศไทย จำนวน 400 คน ของสำนักงานสถิติแห่งชาติ ปี 2553 พบว่า ร้อยละ 60 มีภาวะโรคออฟฟิศซินโดรม (Office syndrome) 3 อาการที่พบบ่อย คือ 1) ปวดหลังเรื้อรัง ด้วยอยู่หน้าจอคอมพิวเตอร์วันละ 8 ชั่วโมง โดยเฉพาะการนั่งหลังค่อม ทำให้กล้ามเนื้อต้นคอ สะบัก เมื่อย เกร็งอยู่ตลอดเวลา ท่านั่งดังกล่าวทำให้กระบังลมขยายได้ ไม่เต็มที่ สมองได้รับออกซิเจนไม่เต็มที่ ทำให้ง่วงนอน ศักยภาพในการทำงานไม่เต็มร้อย 2) ไมเกรนหรือปวดศีรษะเรื้อรัง ความเครียด การพักผ่อนไม่เพียงพอ แสงแดด ความร้อน และการขาดฮอร์โมนบางชนิด เป็นปัจจัยก่อให้เกิดโรคนี้ได้เช่นกัน และ3) มือชา เอ็นอักเสบ นิ้วล็อค การอักเสบของปลอกหุ้มเอ็นข้อมือ เส้นเอ็นนิ้วมือพบมากขึ้น เกิดจากการใช้คอมพิวเตอร์ การจับเมาส์ในท่าเดิมนานๆ ทำให้กล้ามเนื้อกดทับเส้นประสาทและเส้นเอ็นจนอักเสบ เกิดพังผืดยึดจับบริเวณนั้นเป็นจำนวนมาก การจัดสภาพแวดล้อมในที่ทำงานอย่างเหมาะสม สะอาด ถูกสุขลักษณะ และปลอดภัย จึงเป็นวิธีการหนึ่งที่ลดภาวะเสี่ยงของการเกิดโรค อีกทั้งช่วยลดอุบัติเหตุ และเป็นการสร้างบรรยากาศที่ดีในการทำงานให้มีประสิทธิภาพมากยิ่งขึ้น
         ดร.นพ.พรเทพ กล่าวต่อไปว่า การดำเนินกิจกรรมสถานที่ทำงานน่าอยู่ น่าทำงาน กรมอนามัยได้เริ่มมาตั้งแต่ เดือนตุลาคม พ.ศ. 2557 โดยแต่งตั้งคณะกรรมการดำเนินงานโครงการฯ เพื่อตรวจประเมินสถานที่ทำงานน่าอยู่ น่าทำงาน ของหน่วยงานส่วนกลาง และส่วนภูมิภาคสังกัดกรมอนามัย ภายใต้เกณฑ์สถานที่ทำงานน่าอยู่ น่าทำงานเพื่อจัดการสภาพแวดล้อมที่สะอาด ปลอดภัย สิ่งแวดล้อมดี มีชีวิตชีวา ประกอบด้วย 1) สะอาด ด้วยหลัก 5 ส (สะสาง สะดวก สะอาด สุขลักษณะ และสร้างนิสัย) แบ่งพื้นที่เป็นสัดส่วนอย่างเหมาะสม จัดเก็บวัสดุ อุปกรณ์เป็นระเบียบ เรียบร้อย มีการจัดการ ห้องส้วมอย่างถูกสุขลักษณะ และมีการควบคุมสัตว์พาหะนำโรค 2) ปลอดภัย ในเรื่องอาคาร สถานที่ เครื่องจักร เครื่องมือและสภาพแวดล้อมในการทำงาน เพื่อให้คนทำงานเกิดความเชื่อมั่น ไม่วิตกในระหว่างทำงาน 3) สิ่งแวดล้อมดี สร้างความเชื่อมั่นว่าสถานที่ทำงานนั้นไม่ก่อมลพิษต่อสุขภาพของคนทำงาน และชุมชนโดยรอบ ด้วยการป้องกันและมีมาตรการ ลดผลกระทบ ต่อสิ่งแวดล้อม รวมถึงการจัดพื้นที่สีเขียวด้วย และ4) มีชีวิตชีวา เป็นการสร้างขวัญ กำลังใจแก่คนทำงาน ด้วยการจัดกิจกรรมนันทนาการ การออกกำลังกาย การบริโภคอาหารที่หลักโภชนาการ ดูแลสุขภาพตนเองได้อย่างถูกต้อง
        "ขณะนี้ มีหน่วยงานของกรมอนามัยที่ได้รับเกียรติบัตรสถานที่ทำงานน่าอยู่ น่าทำงาน ระดับดีเด่น ได้แก่ ศูนย์อนามัยที่ ๘ นครสวรรค์ ระดับดี จำนวน 11 หน่วยงาน ได้แก่ 1) สำนักส่งเสริมสุขภาพ 2) สำนักอนามัยสิ่งแวดล้อม 3) สำนักอนามัยการเจริญพันธุ์ 4) สำนักโภชนาการ 5) สำนักทันตสาธารณสุข 6) กองแผนงาน 7) กองออกกำลังกายเพื่อสุขภาพ 8) ศูนย์ห้องปฏิบัติการกรมอนมัย 9) ศูนย์บริหารกฎหมายสาธารณสุข 10) สำนักความร่วมมือระหว่างประเทศ 11) กลุ่มพัฒนาระบบบริหารกรมอนามัย และระดับพื้นฐาน จำนวน 7 หน่วยงานได้แก่ 1) สำนักงานเลขานุการกรม 2) สำนักอนามัยผู้สูงอายุ 3) สำนักสร้างและจัดการความรู้ 4) กองประเมินผลกระทบต่อสุขภาพ 5) กองคลัง 6) กองการเจ้าหน้าที่ 7) กลุ่มตรวจสอบภายใน และหน่วยงานส่วนภูมิภาคสังกัดกรมอนามัย? อธิบดีกรมอนามัย กล่าวในที่สุด
 ***
สำนักสื่อสารและตอบโต้ความเสี่ยง/ 25 สิงหาคม 2558
กรมอนามัย กระทรวงสาธารณสุข เผยคนวัยทำงานร้อยละ 60 มีภาวะโรคออฟฟิศซินโดรม พบ 3 อาการที่พบบ่อย ได้แก่ ปวดหลังเรื้อรัง ไมเกรน และมือชา เอ็นอักเสบ นิ้วล็อค ชวนสร้างสถานที่ทำงานน่าอยู่ น่าทำงาน สะอาด ปลอดภัย สิ่งแวดล้อมดี มีชีวิตชีวา สร้างบรรยากาศที่ดีในการทำงาน ลดภาวะเสี่ยงโรค วันนี้ (25 สิงหาคม 2558) ดร.นพ.พรเทพ ศิริวนารังสรรค์ อธิบดีกรมอนามัย เปิดเผยภายหลังเป็นประธานใน พิธีมอบเกียรติบัตรสถานที่ทำงานน่าอยู่ น่าทำงาน สะอาด ปลอดภัย สิ่งแวดล้อมดี มีชีวิตชีวา ณ โรงอาหารกรมอนามัยว่า ประชาชนส่วนใหญ่จะใช้เวลาอยู่ในสถานที่ทำงาน ซึ่งการได้อยู่ในสภาพแวดล้อมที่เหมาะสมในการทำงานจะไม่ก่อให้เกิดผลเสียต่อสุขภาพ โดยเฉพาะโรคออฟฟิศซินโดรม ที่พบได้บ่อยในคนทำงานออฟฟิศ ที่แทบไม่ได้เคลื่อนไหวร่างกาย ทำให้กล้ามเนื้อเกิดการตึงเครียด ก่อให้เกิดอาการกล้ามเนื้ออักเสบ ปวดเมื่อยหลัง ไหล่ คอ บ่า แขน ข้อมือ หากไม่ปรับเปลี่ยนพฤติกรรม อาการจะรุนแรงขึ้น จนถึงขั้นหมอนรองกระดูกเสื่อมหรือหมอนรองกระดูกกดทับเส้นประสาทได้ นอกจากนี้ ยังส่งผลกระทบต่อระบบทางเดินหายใจและภูมิแพ้ ซึ่งเป็นผลมาจากการอยู่ในที่อากาศถ่ายเทไม่สะดวก เครื่องปรับอากาศไม่สะอาด รวมไปถึงสารเคมีจากหมึกของเครื่องถ่ายเอกสาร เครื่องแฟกซ์ และเครื่องพิมพ์เอกสาร ที่อยู่ภายในห้องทำงานอีกด้วย ซึ่งจากการสำรวจพนักงานในสำนักพิมพ์แห่งหนึ่งของประเทศไทย จำนวน 400 คน ของสำนักงานสถิติแห่งชาติ ปี 2553 พบว่า ร้อยละ 60 มีภาวะโรคออฟฟิศซินโดรม (Office syndrome) 3 อาการที่พบบ่อย คือ 1) ปวดหลังเรื้อรัง ด้วยอยู่หน้าจอคอมพิวเตอร์วันละ 8 ชั่วโมง โดยเฉพาะการนั่งหลังค่อม ทำให้กล้ามเนื้อต้นคอ สะบัก เมื่อย เกร็งอยู่ตลอดเวลา ท่านั่งดังกล่าวทำให้กระบังลมขยายได้ ไม่เต็มที่ สมองได้รับออกซิเจนไม่เต็มที่ ทำให้ง่วงนอน ศักยภาพในการทำงานไม่เต็มร้อย 2) ไมเกรนหรือปวดศีรษะเรื้อรัง ความเครียด การพักผ่อนไม่เพียงพอ แสงแดด ความร้อน และการขาดฮอร์โมนบางชนิด เป็นปัจจัยก่อให้เกิดโรคนี้ได้เช่นกัน และ3) มือชา เอ็นอักเสบ นิ้วล็อค การอักเสบของปลอกหุ้มเอ็นข้อมือ เส้นเอ็นนิ้วมือพบมากขึ้น เกิดจากการใช้คอมพิวเตอร์ การจับเมาส์ในท่าเดิมนานๆ ทำให้กล้ามเนื้อกดทับเส้นประสาทและเส้นเอ็นจนอักเสบ เกิดพังผืดยึดจับบริเวณนั้นเป็นจำนวนมาก การจัดสภาพแวดล้อมในที่ทำงานอย่างเหมาะสม สะอาด ถูกสุขลักษณะ และปลอดภัย จึงเป็นวิธีการหนึ่งที่ลดภาวะเสี่ยงของการเกิดโรค อีกทั้งช่วยลดอุบัติเหตุ และเป็นการสร้างบรรยากาศที่ดีในการทำงานให้มีประสิทธิภาพมากยิ่งขึ้น ดร.นพ.พรเทพ กล่าวต่อไปว่า การดำเนินกิจกรรมสถานที่ทำงานน่าอยู่ น่าทำงาน กรมอนามัยได้เริ่มมาตั้งแต่ เดือนตุลาคม พ.ศ. 2557 โดยแต่งตั้งคณะกรรมการดำเนินงานโครงการฯ เพื่อตรวจประเมินสถานที่ทำงานน่าอยู่ น่าทำงาน ของหน่วยงานส่วนกลาง และส่วนภูมิภาคสังกัดกรมอนามัย ภายใต้เกณฑ์สถานที่ทำงานน่าอยู่ น่าทำงานเพื่อจัดการสภาพแวดล้อมที่สะอาด ปลอดภัย สิ่งแวดล้อมดี มีชีวิตชีวา ประกอบด้วย 1) สะอาด ด้วยหลัก 5 ส (สะสาง สะดวก สะอาด สุขลักษณะ และสร้างนิสัย) แบ่งพื้นที่เป็นสัดส่วนอย่างเหมาะสม จัดเก็บวัสดุ อุปกรณ์เป็นระเบียบ เรียบร้อย มีการจัดการ ห้องส้วมอย่างถูกสุขลักษณะ และมีการควบคุมสัตว์พาหะนำโรค 2) ปลอดภัย ในเรื่องอาคาร สถานที่ เครื่องจักร เครื่องมือและสภาพแวดล้อมในการทำงาน เพื่อให้คนทำงานเกิดความเชื่อมั่น ไม่วิตกในระหว่างทำงาน 3) สิ่งแวดล้อมดี สร้างความเชื่อมั่นว่าสถานที่ทำงานนั้นไม่ก่อมลพิษต่อสุขภาพของคนทำงาน และชุมชนโดยรอบ ด้วยการป้องกันและมีมาตรการ ลดผลกระทบ ต่อสิ่งแวดล้อม รวมถึงการจัดพื้นที่สีเขียวด้วย และ4) มีชีวิตชีวา เป็นการสร้างขวัญ กำลังใจแก่คนทำงาน ด้วยการจัดกิจกรรมนันทนาการ การออกกำลังกาย การบริโภคอาหารที่หลักโภชนาการ ดูแลสุขภาพตนเองได้อย่างถูกต้อง ขณะนี้ มีหน่วยงานของกรมอนามัยที่ได้รับเกียรติบัตรสถานที่ทำงานน่าอยู่ น่าทำงาน ระดับดีเด่น ได้แก่ ศูนย์อนามัยที่ ๘ นครสวรรค์ ระดับดี จำนวน 11 หน่วยงาน ได้แก่ 1) สำนักส่งเสริมสุขภาพ 2) สำนักอนามัยสิ่งแวดล้อม 3) สำนักอนามัยการเจริญพันธุ์ 4) สำนักโภชนาการ 5) สำนักทันตสาธารณสุข 6) กองแผนงาน 7) กองออกกำลังกายเพื่อสุขภาพ 8) ศูนย์ห้องปฏิบัติการกรมอนมัย 9) ศูนย์บริหารกฎหมายสาธารณสุข 10) สำนักความร่วมมือระหว่างประเทศ 11) กลุ่มพัฒนาระบบบริหารกรมอนามัย และระดับพื้นฐาน จำนวน 7 หน่วยงานได้แก่ 1) สำนักงานเลขานุการกรม 2) สำนักอนามัยผู้สูงอายุ 3) สำนักสร้างและจัดการความรู้ 4) กองประเมินผลกระทบต่อสุขภาพ 5) กองคลัง 6) กองการเจ้าหน้าที่ 7) กลุ่มตรวจสอบภายใน และหน่วยงานส่วนภูมิภาคสังกัดกรมอนามัย อธิบดีกรมอนามัย กล่าวในที่สุด *** สำนักสื่อสารและตอบโต้ความเสี่ยง/ 25 สิงหาคม 2558

กรมอนามัย
เรามีสาระสุขภาพดีๆ
ส่งตรงถึงคุณ
ทุกวัน

ติดตามข่าวสารได้ที่

แทงบอลออนไลน์ || UFABET || ดูบอลสด