กรม อ. ร่วมลงนามเสริมสัมพันธภาพครอบครัว แนะ สร้างพลังด้วย กอด ลดปัญหาขาดความอบอุ่น
กรมอนามัย กระทรวงสาธารณสุข ลงนามร่วมกับกรมกิจการสตรีและสถาบันครอบครัว สถาบันพัฒนาองค์กรชุมชน (องค์การมหาชน) การเคหะแห่งชาติ และกรุงเทพมหานคร ขับเคลื่อนมาตรการส่งเสริมสัมพันธภาพของครอบครัว พร้อมแนะพ่อแม่กอดลูกน้อยช่วยให้อบอุ่น ลดปัญหาในครอบครัว
วันนี้ (7 สิงหาคม 2558) ดร.นพ.พรเทพ ศิริวนารังสรรค์ อธิบดีกรมอนามัย เปิดเผยหลังร่วมพิธีลงนามบันทึกข้อตกลงความร่วมมือเพื่อขับเคลื่อนมาตรการส่งเสริมสัมพันธภาพของครอบครัว ณ โรงแรมรอยัลริเวอร์ กรุงเทพมหานคร ว่า จากการที่กรมกิจการสตรีและสถาบันครอบครัว ได้นำเสนอมาตรการส่งเสริมสัมพันธภาพของครอบครัวให้คณะกรรมการนโยบายและยุทธศาสตร์ครอบครัวแห่งชาติเห็นชอบ เมื่อวันที่ 9 เมษายน 2558 ประกอบด้วยหลักการกว้างๆ คือ จัดให้มีศูนย์ดูแลและพัฒนาเด็กปฐมวัย 0?2 ปี ให้เพียงพอทั้งปริมาณและคุณภาพ เพื่อให้เด็กปฐมวัยทุกคนได้รับโอกาสในการพัฒนาอย่างเท่าเทียม และเพื่อเป็นบริการที่สามารถแบ่งเบาภาระของ พ่อแม่แม้ว่าจะไปทำงานอยู่ในพื้นที่ใดๆ ก็ตาม ทั้งนี้ แนวทางและรูปแบบการดูแลและพัฒนาเด็กปฐมวัยจะต้องยึดหลักการให้พ่อแม่หรือผู้ปกครองเข้ามามีส่วนร่วมให้มากที่สุด จึงได้มีการร่วมลงนามบันทึกข้อตกลงความร่วมมือระหว่างกรมกิจการสตรีและสถาบันครอบครัว สถาบันพัฒนาองค์กรชุมชน (องค์การมหาชน) การเคหะแห่งชาติ กรุงเทพมหานคร และกรมอนามัย เพื่อขับเคลื่อนมาตรการส่งเสริมสัมพันธภาพของครอบครัวและพัฒนากรอบ ความร่วมมือระหว่างหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง สนับสนุนให้ครอบครัวสามารถสร้างสมดุลระหว่างชีวิตการทำงานกับครอบครัวได้ โดยการจัดทำแผนแม่บทการส่งเสริมสัมพันธภาพของครอบครัวร่วมกัน ด้วยการสร้างความเข้าใจกับชุมชน การสำรวจเด็กปฐมวัย 0?2 ปี การสำรวจศูนย์ดูแลและพัฒนาเด็กที่มีอยู่เดิม การสร้างมาตรฐานการดำเนินงานศูนย์ดูแลและพัฒนาเด็ก และการสร้างหลักสูตรพัฒนาคุณภาพผู้ดูแลเด็ก
ดร.นพ.พรเทพ กล่าวต่อว่า จากข้อมูลของกรมการปกครอง กระทรวงมหาดไทย เมื่อเดือนธันวาคม 2556 พบว่า ประเทศไทยมีเด็กปฐมวัย จำนวนทั้งสิ้น 4,557,091 คน มีเด็กอายุ 0?1 ปี จำนวน 1,481,714 คน ยังอยู่กับพ่อแม่และครอบครัว ส่วนเด็กอายุ 2?5 ปี จำนวน 3,075,377 คน บางส่วนเข้าสู่ระบบการศึกษา เช่น เป็นสถานรับเลี้ยงเด็กเอกชน ศูนย์พัฒนาเด็กเล็ก และโรงเรียนอนุบาล และมีบางส่วนที่ยังไม่มีโอกาสได้รับการเตรียมความพร้อม คิดเป็นร้อยละ 13 ของเด็กปฐมวัยทั้งหมด โดยเด็กอายุ 0? 1 ปี ที่อยู่กับพ่อแม่และครอบครัวมีจำนวนมากถึงร้อยละ 32.5 ของเด็กปฐมวัยทั้งหมด แต่ตัวเลขเหล่านี้ก็ไม่ได้เป็นตัวชี้วัดว่า เด็ก 0?1 ปีทั้งหมดจะได้รับการดูแลและพัฒนาที่ดี เนื่องจากมีงานวิจัยที่พบว่า เด็กที่อยู่กับครอบครัวหรือสมาชิกในครอบครัวต้องเผชิญหน้ากับปัจจัยที่มีผลต่อพัฒนาการ อาทิ สภาพความเป็นอยู่ไม่เป็นระเบียบเรียบร้อย ไม่สะอาด ส่งผลต่อสุขภาพ สภาพเศรษฐกิจที่ขัดสน ส่งผลต่อโภชนาการ สภาพแวดล้อมที่ไม่ดี อยู่ในชุมชนที่มียาเสพติด ส่งผลให้เด็กไม่ปลอดภัยในการออกไปเล่นนอกบ้าน ไม่สามารถไปเล่นกับเด็กวัยเดียวกันได้ และอาจถูกทำร้ายร่างกาย ผู้เลี้ยงดูที่อ่านหนังสือไม่ออก ส่งผลต่อพัฒนาการทางสมองของเด็ก เด็กผูกพันกับผู้เลี้ยงดู ทำให้ความผูกพันระหว่างพ่อแม่กับเด็กลดน้อยลง
"การแก้ปัญหาสัมพันธภาพในครอบครัวนอกจากจะให้ความสำคัญกับการสร้างความรักความอบอุ่นแล้ว ยังเติมความรักให้แก่กันด้วยการกอด เนื่องจากการกอดมีผลดีอย่างมากในเด็กเพราะสามารถเพิ่มอีคิวได้ โดยเฉพาะในเด็กทารกที่ได้รับการเลี้ยงลูกด้วยนมแม่ การอุ้มกอดขณะให้นมลูกจะช่วยเพิ่มความอบอุ่นและสานสัมพันธ์ความรักมากยิ่งขึ้น ข้อมูลจากสถาบันวิจัยการสัมผัส คณะแพทยศาสตร์ มหาวิทยาลัยไมอามี่ สหรัฐอเมริกา พบว่าการสัมผัสหรือการกอดมีผลต่อกระบวนการบำบัดรักษาอาการเจ็บป่วยของเด็ก และยังมีผลต่อการรักษาโรคต่างๆ เช่น โรคหิด ผิวหนังอักเสบ และความเครียดจากอาการบาดเจ็บต่าง ๆ รวมทั้งสามารถใช้ได้ผลกับเด็กทารกที่ได้รับเชื้อเอชไอวี ทารกคลอดก่อนกำหนดและทารกผิดปกติ นอกจากนี้ การกอดสามารถทำได้ทั้งครอบครัว เพราะช่วยลดช่องว่างระหว่างครอบครัว เติมเต็มความรัก สร้างความไว้วางใจให้ความรู้สึกมั่นคง การคุ้มครองสร้างความปลอดภัยให้แก่กัน? อธิบดีกรมอนามัย กล่าว
อธิบดีกรมอนามัย กล่าวในตอนท้ายว่า การกอดไม่ได้เป็นเพียงการแสดงความรักเท่านั้นแต่ยังมีผลดีต่อสุขภาพป้องกันการเกิดโรคร้าย เช่น โรคหัวใจและภาวะซึมเศร้า เพราะการกอดจะช่วยเพิ่มปริมาณฮีโมโกลบิน ซึ่งเป็นส่วนประกอบในเม็ดเลือดแดงในเลือด ทำให้การลำเลียงของออกซิเจนไปยังเซลล์ต่าง ๆ ทั่วร่างกายดีขึ้น ช่วยลดความเสี่ยงของโรคหัวใจเพราะช่วยเพิ่มระดับฮอร์โมนออกซิทอกซิน (Oxytocin) ซึ่งเป็นฮอร์โมนแห่งความรัก ส่งผลให้ความดันโลหิตลดลง ช่วยลดการหลั่งฮอร์โมนคอร์ติซอล ซึ่งเป็นฮอร์โมนที่ก่อให้เกิดความเครียด และการกอดคนรัก สมองจะหลั่งสารโดปามีน (Dopamine) ก่อให้เกิดความสุข ความพึงพอใจ ความกระฉับกระเฉง รวมทั้งสารแห่งความสุข ตัวอื่น ๆ เช่น สารเอนโดฟิน (Endorphin) และเซโรโทนิน (Serotonin) เป็นต้น
สำนักสื่อสารและตอบโต้ความเสี่ยง/7 สิงหาคม 2558
กรมอนามัย กระทรวงสาธารณสุข ลงนามร่วมกับกรมกิจการสตรีและสถาบันครอบครัว สถาบันพัฒนาองค์กรชุมชน (องค์การมหาชน) การเคหะแห่งชาติ และกรุงเทพมหานคร ขับเคลื่อนมาตรการส่งเสริมสัมพันธภาพของครอบครัว พร้อมแนะพ่อแม่กอดลูกน้อยช่วยให้อบอุ่น ลดปัญหาในครอบครัว วันนี้ (7 สิงหาคม 2558) ดร.นพ.พรเทพ ศิริวนารังสรรค์ อธิบดีกรมอนามัย เปิดเผยหลังร่วมพิธีลงนามบันทึกข้อตกลงความร่วมมือเพื่อขับเคลื่อนมาตรการส่งเสริมสัมพันธภาพของครอบครัว ณ โรงแรมรอยัลริเวอร์ กรุงเทพมหานคร ว่า จากการที่กรมกิจการสตรีและสถาบันครอบครัว ได้นำเสนอมาตรการส่งเสริมสัมพันธภาพของครอบครัวให้คณะกรรมการนโยบายและยุทธศาสตร์ครอบครัวแห่งชาติเห็นชอบ เมื่อวันที่ 9 เมษายน 2558 ประกอบด้วยหลักการกว้างๆ คือ จัดให้มีศูนย์ดูแลและพัฒนาเด็กปฐมวัย 02 ปี ให้เพียงพอทั้งปริมาณและคุณภาพ เพื่อให้เด็กปฐมวัยทุกคนได้รับโอกาสในการพัฒนาอย่างเท่าเทียม และเพื่อเป็นบริการที่สามารถแบ่งเบาภาระของ พ่อแม่แม้ว่าจะไปทำงานอยู่ในพื้นที่ใดๆ ก็ตาม ทั้งนี้ แนวทางและรูปแบบการดูแลและพัฒนาเด็กปฐมวัยจะต้องยึดหลักการให้พ่อแม่หรือผู้ปกครองเข้ามามีส่วนร่วมให้มากที่สุด จึงได้มีการร่วมลงนามบันทึกข้อตกลงความร่วมมือระหว่างกรมกิจการสตรีและสถาบันครอบครัว สถาบันพัฒนาองค์กรชุมชน (องค์การมหาชน) การเคหะแห่งชาติ กรุงเทพมหานคร และกรมอนามัย เพื่อขับเคลื่อนมาตรการส่งเสริมสัมพันธภาพของครอบครัวและพัฒนากรอบ ความร่วมมือระหว่างหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง สนับสนุนให้ครอบครัวสามารถสร้างสมดุลระหว่างชีวิตการทำงานกับครอบครัวได้ โดยการจัดทำแผนแม่บทการส่งเสริมสัมพันธภาพของครอบครัวร่วมกัน ด้วยการสร้างความเข้าใจกับชุมชน การสำรวจเด็กปฐมวัย 02 ปี การสำรวจศูนย์ดูแลและพัฒนาเด็กที่มีอยู่เดิม การสร้างมาตรฐานการดำเนินงานศูนย์ดูแลและพัฒนาเด็ก และการสร้างหลักสูตรพัฒนาคุณภาพผู้ดูแลเด็ก ดร.นพ.พรเทพ กล่าวต่อว่า จากข้อมูลของกรมการปกครอง กระทรวงมหาดไทย เมื่อเดือนธันวาคม 2556 พบว่า ประเทศไทยมีเด็กปฐมวัย จำนวนทั้งสิ้น 4,557,091 คน มีเด็กอายุ 01 ปี จำนวน 1,481,714 คน ยังอยู่กับพ่อแม่และครอบครัว ส่วนเด็กอายุ 25 ปี จำนวน 3,075,377 คน บางส่วนเข้าสู่ระบบการศึกษา เช่น เป็นสถานรับเลี้ยงเด็กเอกชน ศูนย์พัฒนาเด็กเล็ก และโรงเรียนอนุบาล และมีบางส่วนที่ยังไม่มีโอกาสได้รับการเตรียมความพร้อม คิดเป็นร้อยละ 13 ของเด็กปฐมวัยทั้งหมด โดยเด็กอายุ 0 1 ปี ที่อยู่กับพ่อแม่และครอบครัวมีจำนวนมากถึงร้อยละ 32.5 ของเด็กปฐมวัยทั้งหมด แต่ตัวเลขเหล่านี้ก็ไม่ได้เป็นตัวชี้วัดว่า เด็ก 01 ปีทั้งหมดจะได้รับการดูแลและพัฒนาที่ดี เนื่องจากมีงานวิจัยที่พบว่า เด็กที่อยู่กับครอบครัวหรือสมาชิกในครอบครัวต้องเผชิญหน้ากับปัจจัยที่มีผลต่อพัฒนาการ อาทิ สภาพความเป็นอยู่ไม่เป็นระเบียบเรียบร้อย ไม่สะอาด ส่งผลต่อสุขภาพ สภาพเศรษฐกิจที่ขัดสน ส่งผลต่อโภชนาการ สภาพแวดล้อมที่ไม่ดี อยู่ในชุมชนที่มียาเสพติด ส่งผลให้เด็กไม่ปลอดภัยในการออกไปเล่นนอกบ้าน ไม่สามารถไปเล่นกับเด็กวัยเดียวกันได้ และอาจถูกทำร้ายร่างกาย ผู้เลี้ยงดูที่อ่านหนังสือไม่ออก ส่งผลต่อพัฒนาการทางสมองของเด็ก เด็กผูกพันกับผู้เลี้ยงดู ทำให้ความผูกพันระหว่างพ่อแม่กับเด็กลดน้อยลง การแก้ปัญหาสัมพันธภาพในครอบครัวนอกจากจะให้ความสำคัญกับการสร้างความรักความอบอุ่นแล้ว ยังเติมความรักให้แก่กันด้วยการกอด เนื่องจากการกอดมีผลดีอย่างมากในเด็กเพราะสามารถเพิ่มอีคิวได้ โดยเฉพาะในเด็กทารกที่ได้รับการเลี้ยงลูกด้วยนมแม่ การอุ้มกอดขณะให้นมลูกจะช่วยเพิ่มความอบอุ่นและสานสัมพันธ์ความรักมากยิ่งขึ้น ข้อมูลจากสถาบันวิจัยการสัมผัส คณะแพทยศาสตร์ มหาวิทยาลัยไมอามี่ สหรัฐอเมริกา พบว่าการสัมผัสหรือการกอดมีผลต่อกระบวนการบำบัดรักษาอาการเจ็บป่วยของเด็ก และยังมีผลต่อการรักษาโรคต่างๆ เช่น โรคหิด ผิวหนังอักเสบ และความเครียดจากอาการบาดเจ็บต่าง ๆ รวมทั้งสามารถใช้ได้ผลกับเด็กทารกที่ได้รับเชื้อเอชไอวี ทารกคลอดก่อนกำหนดและทารกผิดปกติ นอกจากนี้ การกอดสามารถทำได้ทั้งครอบครัว เพราะช่วยลดช่องว่างระหว่างครอบครัว เติมเต็มความรัก สร้างความไว้วางใจให้ความรู้สึกมั่นคง การคุ้มครองสร้างความปลอดภัยให้แก่กัน อธิบดีกรมอนามัย กล่าว อธิบดีกรมอนามัย กล่าวในตอนท้ายว่า การกอดไม่ได้เป็นเพียงการแสดงความรักเท่านั้นแต่ยังมีผลดีต่อสุขภาพป้องกันการเกิดโรคร้าย เช่น โรคหัวใจและภาวะซึมเศร้า เพราะการกอดจะช่วยเพิ่มปริมาณฮีโมโกลบิน ซึ่งเป็นส่วนประกอบในเม็ดเลือดแดงในเลือด ทำให้การลำเลียงของออกซิเจนไปยังเซลล์ต่าง ๆ ทั่วร่างกายดีขึ้น ช่วยลดความเสี่ยงของโรคหัวใจเพราะช่วยเพิ่มระดับฮอร์โมนออกซิทอกซิน (Oxytocin) ซึ่งเป็นฮอร์โมนแห่งความรัก ส่งผลให้ความดันโลหิตลดลง ช่วยลดการหลั่งฮอร์โมนคอร์ติซอล ซึ่งเป็นฮอร์โมนที่ก่อให้เกิดความเครียด และการกอดคนรัก สมองจะหลั่งสารโดปามีน (Dopamine) ก่อให้เกิดความสุข ความพึงพอใจ ความกระฉับกระเฉง รวมทั้งสารแห่งความสุข ตัวอื่น ๆ เช่น สารเอนโดฟิน (Endorphin) และเซโรโทนิน (Serotonin) เป็นต้น สำนักสื่อสารและตอบโต้ความเสี่ยง/7 สิงหาคม 2558