กรมอนามัย ชวนภาคีเครือข่าย ร่วมประชาพิจารณ์ ร่างมาตรฐานน้ำบริโภค สู่การพัฒนาประเทศไทย 4.0
กรมอนามัย กระทรวงสาธารณสุข ชวนหน่วยงานภาคีเครือข่ายที่เกี่ยวข้อง และผู้มีส่วนได้ส่วนเสียร่วมประชาพิจารณ์ แสดงความคิดเห็นและข้อเสนอแนะร่างมาตรฐานน้ำบริโภคประเทศไทย
วันนี้ (21 กรกฎาคม 2560) นายแพทย์ดนัย ธีวันดา รองอธิบดีกรมอนามัย เปิดเผยหลังเป็นประธานเปิดการประชุม เชิงปฏิบัติการ เรื่อง ร่างมาตรฐานน้ำบริโภคประเทศไทย ณ โรงแรมเอเชีย แอร์พอร์ท จังหวัดปทุมธานี ว่า รัฐบาลได้ส่งเสริมการลงทุนของภาคอุตสาหกรรมและภาคเกษตรกรรมมากขึ้น เพื่อพัฒนาประเทศไทยเข้าสู่ยุค Thailand 4.0 ในขณะที่สภาพอากาศของโลกมีการเปลี่ยนแปลง ทำให้เกิดการระบาดของแมลงศัตรูพืช เกิดการดื้อยา ส่งผลให้มีการใช้สารเคมี สารฆ่าศัตรูพืชและสัตว์และยากำจัดวัชพืชเพิ่มขึ้น เพื่อให้ผลผลิตมีจำนวนเพียงพอกับความต้องการ ทำให้เกิดการปนเปื้อนของสารเคมีลงสู่แหล่งน้ำที่ใช้ในการบริโภค ซึ่งข้อมูลจากกรมอนามัยได้สำรวจและเฝ้าระวังคุณภาพน้ำบริโภคในประเทศ โดยใช้เกณฑ์คุณภาพน้ำประปาดื่มได้ ตั้งแต่ปี 2543 และได้ปรับปรุงในปี 2553 ซึ่งใช้มาจนถึงปัจจุบันเพื่อส่งเสริมให้น้ำประปา และน้ำจากแหล่งต่างๆ ที่ประชาชนนำมาใช้เพื่อการอุปโภคบริโภค สะอาด ปลอดภัย โดยผลจากการสุ่มประเมินคุณภาพน้ำบริโภคของสำนักสุขาภิบาลอาหารและน้ำ กรมอนามัย พบว่า ตั้งแต่ปี 2551 - 2559 น้ำบริโภคไม่ผ่านเกณฑ์มาตรฐานเฉลี่ย ร้อยละ 60 จำแนกเป็นด้านกายภาพร้อยละ 30 เคมีร้อยละ 15 และชีวภาพ ร้อยละ 70
นายแพทย์ดนัย กล่าวต่อไปว่า กรมอนามัยได้พิจารณากำหนดเกณฑ์คุณภาพน้ำให้เป็นมาตรฐานเดียวกันให้ครอบคลุมกับสภาพการเปลี่ยนแปลงดังกล่าว เนื่องจากยังมีหน่วยงานที่เกี่ยวข้องกับน้ำบริโภคได้อ้างอิงเกณฑ์คุณภาพที่แตกต่างกัน อาทิ การประปานครหลวง การประปาส่วนภูมิภาค อ้างอิงจากเกณฑ์ขององค์การอนามัยโลก (WHO) กรมทรัพยากรน้ำบาดาล ใช้เกณฑ์คุณภาพน้ำบาดาลเพื่อการบริโภค และมาตรฐานการตรวจวิเคราะห์ทางห้องปฏิบัติการ ต้องอ้างอิงหลายมาตรฐาน กรมอนามัยจึงเป็นแกนหลักในการจัดทำมาตรฐานคุณภาพน้ำบริโภคประเทศไทยร่วมกับภาคีเครือข่าย เพื่อยกระดับคุณภาพน้ำบริโภคของประเทศให้เป็นมาตรฐานกลางเพื่อหน่วยงานต่างๆ ได้ใช้เป็นเกณฑ์ใน การควบคุมคุณภาพน้ำเพื่อการบริโภค ได้แก่ น้ำประปา น้ำประปาภูเขา น้ำบ่อบาดาล น้ำผิวดิน และน้ำฝน
"ขณะนี้ ได้จัดทำเป็นร่างมาตรฐานน้ำบริโภคประเทศไทยขึ้นมา พร้อมทั้งจัดทำประชาพิจารณ์ โดยเชิญหน่วยงานภาคีเครือข่ายและคณาจารย์ผู้เชี่ยวชาญในแต่ละด้านทั้งภาครัฐ ภาคเอกชน สถาบันการศึกษาเข้ามาร่วมระดมสมอง กลั่นกรอง และพิจารณาทั้งด้านความถูกต้องของเนื้อหาวิชาการ ความคุ้มค่าในการลงทุน ความเป็นไปได้ใน ทางปฏิบัติ และศักยภาพของห้องปฏิบัติการ เปิดโอกาสให้ร่วมแสดงความคิดเห็นและให้ข้อเสนอแนะสำหรับการปรับปรุงร่างมาตรฐานน้ำบริโภคประเทศไทย และเป็นการบูรณาการความร่วมมือในการพัฒนาคุณภาพน้ำบริโภคในภาพรวม ของประเทศ หากได้มาตรฐานน้ำบริโภคประเทศไทยที่ผ่านการพิจารณาจากทุกภาคส่วนแล้ว จะดำเนินการประชาสัมพันธ์ต่อไป? รองอธิบดีกรมอนามัย กล่าวในที่สุด
***
ศูนย์สื่อสารสาธารณะ / 21 กรกฎาคม 2560
กรมอนามัย กระทรวงสาธารณสุข ชวนหน่วยงานภาคีเครือข่ายที่เกี่ยวข้อง และผู้มีส่วนได้ส่วนเสียร่วมประชาพิจารณ์ แสดงความคิดเห็นและข้อเสนอแนะร่างมาตรฐานน้ำบริโภคประเทศไทย วันนี้ (21 กรกฎาคม 2560) นายแพทย์ดนัย ธีวันดา รองอธิบดีกรมอนามัย เปิดเผยหลังเป็นประธานเปิดการประชุม เชิงปฏิบัติการ เรื่อง ร่างมาตรฐานน้ำบริโภคประเทศไทย ณ โรงแรมเอเชีย แอร์พอร์ท จังหวัดปทุมธานี ว่า รัฐบาลได้ส่งเสริมการลงทุนของภาคอุตสาหกรรมและภาคเกษตรกรรมมากขึ้น เพื่อพัฒนาประเทศไทยเข้าสู่ยุค Thailand 4.0 ในขณะที่สภาพอากาศของโลกมีการเปลี่ยนแปลง ทำให้เกิดการระบาดของแมลงศัตรูพืช เกิดการดื้อยา ส่งผลให้มีการใช้สารเคมี สารฆ่าศัตรูพืชและสัตว์และยากำจัดวัชพืชเพิ่มขึ้น เพื่อให้ผลผลิตมีจำนวนเพียงพอกับความต้องการ ทำให้เกิดการปนเปื้อนของสารเคมีลงสู่แหล่งน้ำที่ใช้ในการบริโภค ซึ่งข้อมูลจากกรมอนามัยได้สำรวจและเฝ้าระวังคุณภาพน้ำบริโภคในประเทศ โดยใช้เกณฑ์คุณภาพน้ำประปาดื่มได้ ตั้งแต่ปี 2543 และได้ปรับปรุงในปี 2553 ซึ่งใช้มาจนถึงปัจจุบันเพื่อส่งเสริมให้น้ำประปา และน้ำจากแหล่งต่างๆ ที่ประชาชนนำมาใช้เพื่อการอุปโภคบริโภค สะอาด ปลอดภัย โดยผลจากการสุ่มประเมินคุณภาพน้ำบริโภคของสำนักสุขาภิบาลอาหารและน้ำ กรมอนามัย พบว่า ตั้งแต่ปี 2551 - 2559 น้ำบริโภคไม่ผ่านเกณฑ์มาตรฐานเฉลี่ย ร้อยละ 60 จำแนกเป็นด้านกายภาพร้อยละ 30 เคมีร้อยละ 15 และชีวภาพ ร้อยละ 70 นายแพทย์ดนัย กล่าวต่อไปว่า กรมอนามัยได้พิจารณากำหนดเกณฑ์คุณภาพน้ำให้เป็นมาตรฐานเดียวกันให้ครอบคลุมกับสภาพการเปลี่ยนแปลงดังกล่าว เนื่องจากยังมีหน่วยงานที่เกี่ยวข้องกับน้ำบริโภคได้อ้างอิงเกณฑ์คุณภาพที่แตกต่างกัน อาทิ การประปานครหลวง การประปาส่วนภูมิภาค อ้างอิงจากเกณฑ์ขององค์การอนามัยโลก (WHO) กรมทรัพยากรน้ำบาดาล ใช้เกณฑ์คุณภาพน้ำบาดาลเพื่อการบริโภค และมาตรฐานการตรวจวิเคราะห์ทางห้องปฏิบัติการ ต้องอ้างอิงหลายมาตรฐาน กรมอนามัยจึงเป็นแกนหลักในการจัดทำมาตรฐานคุณภาพน้ำบริโภคประเทศไทยร่วมกับภาคีเครือข่าย เพื่อยกระดับคุณภาพน้ำบริโภคของประเทศให้เป็นมาตรฐานกลางเพื่อหน่วยงานต่างๆ ได้ใช้เป็นเกณฑ์ใน การควบคุมคุณภาพน้ำเพื่อการบริโภค ได้แก่ น้ำประปา น้ำประปาภูเขา น้ำบ่อบาดาล น้ำผิวดิน และน้ำฝน ขณะนี้ ได้จัดทำเป็นร่างมาตรฐานน้ำบริโภคประเทศไทยขึ้นมา พร้อมทั้งจัดทำประชาพิจารณ์ โดยเชิญหน่วยงานภาคีเครือข่ายและคณาจารย์ผู้เชี่ยวชาญในแต่ละด้านทั้งภาครัฐ ภาคเอกชน สถาบันการศึกษาเข้ามาร่วมระดมสมอง กลั่นกรอง และพิจารณาทั้งด้านความถูกต้องของเนื้อหาวิชาการ ความคุ้มค่าในการลงทุน ความเป็นไปได้ใน ทางปฏิบัติ และศักยภาพของห้องปฏิบัติการ เปิดโอกาสให้ร่วมแสดงความคิดเห็นและให้ข้อเสนอแนะสำหรับการปรับปรุงร่างมาตรฐานน้ำบริโภคประเทศไทย และเป็นการบูรณาการความร่วมมือในการพัฒนาคุณภาพน้ำบริโภคในภาพรวม ของประเทศ หากได้มาตรฐานน้ำบริโภคประเทศไทยที่ผ่านการพิจารณาจากทุกภาคส่วนแล้ว จะดำเนินการประชาสัมพันธ์ต่อไป รองอธิบดีกรมอนามัย กล่าวในที่สุด *** ศูนย์สื่อสารสาธารณะ / 21 กรกฎาคม 2560