คุณกำลังมองหาอะไร?

ข่า

ข่าวแจก กรมอนามัย ชี้คนไทยติดอาหารมัน-เค็มมากเกินจำเป็น ปรับสูตรอาหาร 10 เมนูฮิตลดเกลือ ลดไขมัน

กรมอนามัย พร้อมให้ข้อมูลข่าวสารที่มีประโยชน์สำหรับคุณ

28.05.2557
0
0
แชร์
28
พ.ค.
2557

ข่าวแจก กรมอนามัย ชี้คนไทยติดอาหารมัน-เค็มมากเกินจำเป็น ปรับสูตรอาหาร 10 เมนูฮิตลดเกลือ ลดไขมัน

        กรมอนามัย กระทรวงสาธารณสุข ร่วมกับศูนย์ความร่วมมือไทย-สหรัฐด้านสาธารณสุข สมาคมนักกำหนดอาหารแห่งประเทศไทย และสมาคมอนามัยแห่งประเทศไทย จัดงานเปิดตัวหนังสือเมนูชูสุขภาพลดเค็ม ลดมัน (Healthy Menu Low Salt & Low Fat) เพื่อลดพฤติกรรมการบริโภคเกลือ และไขมันของคนไทย ด้วยสูตรอาหาร 10 เมนูฮิต ลดเกลือ ลดไขมัน
        วันนี้ (28 พฤษภาคม 2557) ดร.นพ.พรเทพ ศิริวนารังสรรค์ อธิบดีกรมอนามัย เปิดเผยภายหลังเป็นประธานเปิดตัวหนังสือเมนูชูสุขภาพลดเค็ม ลดมัน (Healthy Menu Low Salt & Low Fat) ร่วมกับ Dr. Mitchell I. Wolfe Country Director of TUC Thailand ณ ห้องพาเพลิน โรงแรมหรรษา กรุงเทพมหานคร ว่า คนไทยกำลังประสบปัญหา โรคอ้วนและโรคไม่ติดต่อเรื้อรัง ทั้งโรคความดันโลหิตสูง เบาหวาน หลอดเลือดสมอง หลอดเลือดหัวใจตีบหรือตัน ส่วนหนึ่งมีสาเหตุมาจากการบริโภคอาหารที่ไม่เหมาะสม โดยเฉพาะอย่างยิ่งอาหารรสหวาน มันและเค็มเกินไป ซึ่งผลการสำรวจของกรมอนามัย กระทรวงสาธารณสุข ปี 2552 พบว่า คนไทยบริโภคเกลือโดยเฉลี่ยประมาณ 10 กรัมต่อวัน ทำให้ได้รับโซเดียมจากอาหารในปริมาณที่สูงกว่าปริมาณสารอาหารที่ควรได้รับประจำวัน 2 เท่า รวมทั้งการสำรวจอาหารบริโภคจากหลายๆ หน่วยงานพบว่า คนไทยบริโภคไขมันอิ่มตัว ที่พบมากในผลิตภัณฑ์สัตว์ ร้อยละ 13-15 หรือคิดเป็น 2 เท่าของปริมาณที่แนะนำคือ ร้อยละ 7 ซึ่งถือว่าเป็นอันตรายต่อสุขภาพ
        ดร.นพ.พรเทพ กล่าวต่อไปว่า องค์การอนามัยโลกแนะนำให้บริโภคเกลือโซเดียมคลอไรด์ที่เป็นเกลือแกง       รสเค็ม ไม่เกิน 5 กรัมต่อวัน คือ 1 ช้อนชา และแม้ว่าโซเดียมมีความสำคัญต่อร่างกายโดยทำหน้าที่ส่งสัญญาณในระบบประสาทและกล้ามเนื้อ แต่หากบริโภคโซเดียมมากเกินไป ทำให้ไตขับออกได้ไม่หมด โซเดียมก็จะคั่ง ดึงน้ำไว้ในร่างกายมาก ทำให้ความดันโลหิตสูงขึ้น เร่งให้ไตเสื่อมลง เกิดภาวะไตวาย และยังทำให้ขับแคลเซียมออกทางปัสสาวะมากขึ้น เพิ่มความเสี่ยงต่อการเป็นโรคกระดูกพรุน สำหรับไขมันเป็นสารอาหารที่จำเป็นต่อร่างกาย เพราะการดูดซึมวิตามินบางตัวต้องใช้ไขมันร่วมด้วย แต่การบริโภคอาหารที่มีไขมันมากเกินไป ทำให้เกิดการสะสมในร่างกายมาก ส่งผลให้เป็นโรคอ้วน โดยเฉพาะการบริโภคไขมันอิ่มตัว ซึ่งพบมากในผลิตภัณฑ์สัตว์ เช่น หมูสามชั้น มันหมู หนังไก่ จะเพิ่มระดับคอเลสเตอรอล ดังนั้น การบริโภคไขมันที่ใช้ในการปรุงประกอบอาหาร จึงควรบริโภคไม่เกิน 6 ช้อนชา ใน 1 วัน ส่วนน้ำตาลให้รสหวาน บริโภคมากเกินไปทำให้น้ำหนักตัวเพิ่มขึ้น จนเกิดภาวะอ้วน และเสี่ยงต่อการเป็นโรคเบาหวาน
        ทั้งนี้ การบริโภคอาหารที่ลดปริมาณเกลือ ไขมัน และน้ำตาล เป็นวิธีที่ง่ายและสะดวก สามารถทำได้ โดยลดปริมาณลงเรื่อยๆ ทีละน้อย ซึ่งกรมอนามัยได้ร่วมกับสมาคมนักกำหนดอาหารแห่งประเทศไทย จัดทำสูตรอาหารที่นิยมแพร่หลายในแต่ละภาค จากเดิมมีเกลือ และไขมันเป็นส่วนประกอบในปริมาณสูง ทำให้ประชาชนบริโภคเกลือและไขมันมากเกินเกินความจำเป็น จึงปรับลดปริมาณส่วนผสมของไขมันและโซเดียม ร้อยละ 20-73 โดยจัดทำเป็นเมนู ชูสุขภาพลดเค็ม ลดมัน (Healthy Menu Low Salt & Low Fat) แต่ยังคงรสชาติอร่อยไว้เหมือนเดิม ใน 10 เมนูยอดนิยม ได้แก่ ผัดไทยกุ้งสด ผัดกระเพราไก่ ก๋วยเตี๋ยวน้ำ แกงเหลือง น้ำพริกหนุ่ม น้ำพริกอ่อง แกงเขียวหวานไก่ ส้มตำปลาร้า แกงลาว และกล้วยบวชชี เพื่อให้คนไทยบริโภคอาหารที่ดีต่อสุขภาพมากขึ้น? อธิบดีกรมอนามัย กล่าวในที่สุด
 
***
สำนักสื่อสารและตอบโต้ความเสี่ยง / 28 พฤษภาคม 2557
 
กรมอนามัย กระทรวงสาธารณสุข ร่วมกับศูนย์ความร่วมมือไทย-สหรัฐด้านสาธารณสุข สมาคมนักกำหนดอาหารแห่งประเทศไทย และสมาคมอนามัยแห่งประเทศไทย จัดงานเปิดตัวหนังสือเมนูชูสุขภาพลดเค็ม ลดมัน (Healthy Menu Low Salt & Low Fat) เพื่อลดพฤติกรรมการบริโภคเกลือ และไขมันของคนไทย ด้วยสูตรอาหาร 10 เมนูฮิต ลดเกลือ ลดไขมัน วันนี้ (28 พฤษภาคม 2557) ดร.นพ.พรเทพ ศิริวนารังสรรค์ อธิบดีกรมอนามัย เปิดเผยภายหลังเป็นประธานเปิดตัวหนังสือเมนูชูสุขภาพลดเค็ม ลดมัน (Healthy Menu Low Salt & Low Fat) ร่วมกับ Dr. Mitchell I. Wolfe Country Director of TUC Thailand ณ ห้องพาเพลิน โรงแรมหรรษา กรุงเทพมหานคร ว่า คนไทยกำลังประสบปัญหา โรคอ้วนและโรคไม่ติดต่อเรื้อรัง ทั้งโรคความดันโลหิตสูง เบาหวาน หลอดเลือดสมอง หลอดเลือดหัวใจตีบหรือตัน ส่วนหนึ่งมีสาเหตุมาจากการบริโภคอาหารที่ไม่เหมาะสม โดยเฉพาะอย่างยิ่งอาหารรสหวาน มันและเค็มเกินไป ซึ่งผลการสำรวจของกรมอนามัย กระทรวงสาธารณสุข ปี 2552 พบว่า คนไทยบริโภคเกลือโดยเฉลี่ยประมาณ 10 กรัมต่อวัน ทำให้ได้รับโซเดียมจากอาหารในปริมาณที่สูงกว่าปริมาณสารอาหารที่ควรได้รับประจำวัน 2 เท่า รวมทั้งการสำรวจอาหารบริโภคจากหลายๆ หน่วยงานพบว่า คนไทยบริโภคไขมันอิ่มตัว ที่พบมากในผลิตภัณฑ์สัตว์ ร้อยละ 13-15 หรือคิดเป็น 2 เท่าของปริมาณที่แนะนำคือ ร้อยละ 7 ซึ่งถือว่าเป็นอันตรายต่อสุขภาพ ดร.นพ.พรเทพ กล่าวต่อไปว่า องค์การอนามัยโลกแนะนำให้บริโภคเกลือโซเดียมคลอไรด์ที่เป็นเกลือแกง รสเค็ม ไม่เกิน 5 กรัมต่อวัน คือ 1 ช้อนชา และแม้ว่าโซเดียมมีความสำคัญต่อร่างกายโดยทำหน้าที่ส่งสัญญาณในระบบประสาทและกล้ามเนื้อ แต่หากบริโภคโซเดียมมากเกินไป ทำให้ไตขับออกได้ไม่หมด โซเดียมก็จะคั่ง ดึงน้ำไว้ในร่างกายมาก ทำให้ความดันโลหิตสูงขึ้น เร่งให้ไตเสื่อมลง เกิดภาวะไตวาย และยังทำให้ขับแคลเซียมออกทางปัสสาวะมากขึ้น เพิ่มความเสี่ยงต่อการเป็นโรคกระดูกพรุน สำหรับไขมันเป็นสารอาหารที่จำเป็นต่อร่างกาย เพราะการดูดซึมวิตามินบางตัวต้องใช้ไขมันร่วมด้วย แต่การบริโภคอาหารที่มีไขมันมากเกินไป ทำให้เกิดการสะสมในร่างกายมาก ส่งผลให้เป็นโรคอ้วน โดยเฉพาะการบริโภคไขมันอิ่มตัว ซึ่งพบมากในผลิตภัณฑ์สัตว์ เช่น หมูสามชั้น มันหมู หนังไก่ จะเพิ่มระดับคอเลสเตอรอล ดังนั้น การบริโภคไขมันที่ใช้ในการปรุงประกอบอาหาร จึงควรบริโภคไม่เกิน 6 ช้อนชา ใน 1 วัน ส่วนน้ำตาลให้รสหวาน บริโภคมากเกินไปทำให้น้ำหนักตัวเพิ่มขึ้น จนเกิดภาวะอ้วน และเสี่ยงต่อการเป็นโรคเบาหวาน \\ทั้งนี้ การบริโภคอาหารที่ลดปริมาณเกลือ ไขมัน และน้ำตาล เป็นวิธีที่ง่ายและสะดวก สามารถทำได้ โดยลดปริมาณลงเรื่อยๆ ทีละน้อย ซึ่งกรมอนามัยได้ร่วมกับสมาคมนักกำหนดอาหารแห่งประเทศไทย จัดทำสูตรอาหารที่นิยมแพร่หลายในแต่ละภาค จากเดิมมีเกลือ และไขมันเป็นส่วนประกอบในปริมาณสูง ทำให้ประชาชนบริโภคเกลือและไขมันมากเกินเกินความจำเป็น จึงปรับลดปริมาณส่วนผสมของไขมันและโซเดียม ร้อยละ 20-73 โดยจัดทำเป็นเมนู ชูสุขภาพลดเค็ม ลดมัน (Healthy Menu Low Salt & Low Fat) แต่ยังคงรสชาติอร่อยไว้เหมือนเดิม ใน 10 เมนูยอดนิยม ได้แก่ ผัดไทยกุ้งสด ผัดกระเพราไก่ ก๋วยเตี๋ยวน้ำ แกงเหลือง น้ำพริกหนุ่ม น้ำพริกอ่อง แกงเขียวหวานไก่ ส้มตำปลาร้า แกงลาว และกล้วยบวชชี เพื่อให้คนไทยบริโภคอาหารที่ดีต่อสุขภาพมากขึ้น อธิบดีกรมอนามัย กล่าวในที่สุด ***สำนักสื่อสารและตอบโต้ความเสี่ยง / 28 พฤษภาคม 2557

กรมอนามัย
เรามีสาระสุขภาพดีๆ
ส่งตรงถึงคุณ
ทุกวัน