คุณกำลังมองหาอะไร?

ข่า

ข่าวแจก"สธ. รุกทางลัดเพิ่มโอกาสใส่ฟันเทียมพระราชทานผู้สูงวัยเมืองนคร คืนความสุข คืนรอยยิ้ม"

กรมอนามัย พร้อมให้ข้อมูลข่าวสารที่มีประโยชน์สำหรับคุณ

28.05.2558
2
0
แชร์
28
พ.ค.
2558

ข่าวแจก"สธ. รุกทางลัดเพิ่มโอกาสใส่ฟันเทียมพระราชทานผู้สูงวัยเมืองนคร คืนความสุข คืนรอยยิ้ม"

        กระทรวงสาธารณสุข ร่วมกับหน่วยทันตกรรมพระราชทานในพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว คณะทันตแพทยศาสตร์ มหาวิทยาลัยสงขลานครินทร์ สำนักงานสาธารณสุขจังหวัดนครศรีธรรมราช และเครือข่ายที่เกี่ยวข้อง จัดโครงการ "คืนความสุข คืนรอยยิ้ม ผู้สูงวัย? ในโครงการฟันเทียมพระราชทานและส่งเสริมสุขภาพช่องปากผู้สูงอายุ เฉลิมพระเกียรติพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว มอบฟันเทียมให้ผู้สูงอายุในจังหวัดนครศรีธรรมราชเพิ่มอีก 120 คน เพิ่มโอกาสการเข้าถึงบริการส่งเสริมสุขภาพช่องปากผู้สูงวัย หลังพบจำนวนกว่า 23,000 ราย ต้องใส่ฟันเทียม
        วันนี้ (28 พฤษภาคม 2558) นายแพทย์วีระพันธ์ สุพรรณไชยมาตย์ ผู้ช่วยรัฐมนตรีประจำกระทรวงสาธารณสุข เปิดเผยภายหลังเป็นประธานในพิธีมอบฟันเทียมพระราชทานโครงการ "คืนความสุข คืนรอยยิ้ม ผู้สูงวัย? จังหวัดนครศรีธรรมราช ในโครงการฟันเทียมพระราชทานและส่งเสริมสุขภาพช่องปากผู้สูงอายุ เฉลิมพระเกียรติพระบาทสมเด็จ พระเจ้าอยู่หัว ณ ห้องประชุมยกเต้งอุทิศ โรงพยาบาลท่าศาลา จังหวัดนครศรีธรรมราช ว่า กระทรวงสาธารณสุขร่วมกับวิชาชีพทันตกรรมและทุกภาคส่วนที่เกี่ยวข้อง ได้สนองกระแสพระราชดำรัสพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ความว่า "เวลา ไม่มีฟัน กินอะไรก็ไม่อร่อย ทำให้ไม่มีความสุข จิตใจก็ไม่สบาย ร่างกายก็ไม่แข็งแรง? ในโครงการฟันเทียมพระราชทานและการส่งเสริมสุขภาพช่องปากผู้สูงอายุ เฉลิมพระเกียรติพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว โดยกรมอนามัยเป็นหน่วยประสาน การดำเนินงานนับตั้งแต่ปี 2548 เป็นต้นมา ส่งผลให้ปัจจุบันมีผู้สูงอายุที่สูญเสียฟันทั้งปากทั่วประเทศได้รับบริการใส่ฟันเทียมพระราชทานเพื่อการเคี้ยวอาหารแล้วกว่า 390,000 คน และจากการติดตามประเมินผลหลังการจัดบริการในปี 2550 พบว่า โครงการเป็นที่ยอมรับของสังคม ร้อยละ 97 ของผู้สูงอายุที่ได้รับบริการมีความพึงพอใจ ส่งผลต่อสุขภาพและคุณภาพชีวิตผู้สูงอายุอย่างชัดเจนทั้งด้านกายภาพ อารมณ์ สังคม ซึ่งเป็นประเทศเดียวที่ให้สิทธิ์ประชาชนได้ใส่ฟันเทียม โดยไม่มีค่าใช้จ่าย โดยเฉพาะการใส่ฟันเทียมทั้งปากให้กับผู้สูงอายุที่มีต้นทุนประมาณ 6,000 บาทต่อคน นับเป็นพระมหากรุณาธิคุณของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ที่ทรงคำนึงถึงความสุขของราษฎรที่ต้องมีฟันใช้เคี้ยวอาหาร และในปี 2558 รัฐบาล โดยกระทรวงสาธารณสุขได้ประกาศให้โครงการฟันเทียมพระราชทานเป็นของขวัญปีใหม่แก่ผู้สูงอายุไทย นอกเหนือจาก รากฟันเทียมและหมอประจำครอบครัว โดยเพิ่มการเข้าถึงบริการจาก 35,000 ราย เป็น 40,000 ราย
        "ทั้งนี้ จังหวัดนครศรีธรรมราชเป็นจังหวัดที่มีจำนวนประชากรผู้สูงอายุสูงที่สุดในภาคใต้ โดยมีความต้องการฟันเทียมพระราชทานประมาณ 23,500 ราย ในขณะที่การจัดบริการในระบบบริการปกติจัดบริการได้ 3,636 ราย เฉลี่ยปีละ 1,200 ราย ดังนั้น เพื่อเป็นการเพิ่มโอกาสการเข้าถึงบริการใส่ฟันเทียมพระราชทานแก่ผู้สูงวัยตามนโยบายของขวัญปีใหม่ กระทรวงสาธารณสุขโดยกรมอนามัยจึงร่วมกับหน่วยทันตกรรมพระราชทานในพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว คณะทันตแพทยศาสตร์ มหาวิทยาลัยสงขลานครินทร์ สำนักงานสาธารณสุขจังหวัดนครศรีธรรมราช และเครือข่ายที่เกี่ยวข้อง จัดโครงการ "คืนความสุข คืนรอยยิ้ม ผู้สูงวัย? จังหวัดนครศรีธรรมราช เพื่อเผยแพร่พระมหากรุณาธิคุณและสนองกระแสพระราชดำรัสของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว โดยจัดกิจกรรมตั้งแต่วันที่ 25 - 29 พฤษภาคม 2558 และมีผู้สูงอายุได้รับ ฟันเทียมพระราชทานในครั้งนี้ 120 คน ซึ่งได้รับการสนับสนุนงบประมาณจากกรมอนามัย กองทุนฟันเทียมพระราชทาน หน่วยทันตกรรมพระราชทานในพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว และบริษัท ปาร์คนายเลิศ จำกัด นอกจากนี้ภายในงานยังได้มอบโล่ประกาศเกียรติคุณแก่หน่วยงานที่สนับสนุนการดำเนินงาน มอบเกียรติบัตรแก่อาสาสมัครที่มาร่วมปฏิบัติงาน และมอบของที่ระลึกแก่ผู้สูงวัยฟันดี 90 ปี ที่ชนะเลิศการประกวดระดับประเทศด้วย?ผู้ช่วยรัฐมนตรีประจำกระทรวงสาธารณสุข กล่าว
        ทางด้าน ทันตแพทย์สุธา เจียรมณีโชติชัย รองอธิบดีกรมอนามัย กล่าวว่า ผลการสำรวจสภาวะทันตสาธารณสุข ครั้งที่ 7 ในปี 2555 พบว่า ผู้สูงอายุมีการสูญเสียฟันทั้งปากร้อยละ 7.2 ยังคงต้องการใส่ฟันเทียมทั้งปากร้อยละ 2.5 หรือประมาณ 236,000 คน และพบว่าภาคใต้มีการสูญเสียฟันทั้งปากและความต้องการบริการใส่ฟันเทียมทั้งปากสูงสุด ร้อยละ 11.2 และ 8.8 ตามลำดับ ขณะที่ภาคอื่น ๆ ความต้องการบริการใส่ฟันเทียมทั้งปากเป็นร้อยละ 2.0 - 4.6 ทั้งนี้ เป็นผลจากการขาดการดูแลอนามัยช่องปากให้สะอาด ทำให้ฟันผุ เหงือกอักเสบ ฟันโยก และต้องสูญเสียฟันธรรมชาติไปในที่สุด ฟันเทียมพระราชทานจะช่วยให้กลับมาเคี้ยวอาหาร และคืนรอยยิ้มอีกครั้ง ซึ่งผู้ที่ใส่ฟันเทียมต้องใส่ใจทำความสะอาดฟันเทียมทุกซอก ทุกมุม ไม่ว่าจะเป็นบริเวณตะขอและฐานฟันเทียม และก่อนทำความสะอาดฟันเทียมควรหาภาชนะรอง เช่น ขันน้ำ เพราะขณะที่แปรงอยู่นั้น ฟันเทียมอาจหลุดตกจากมือ หากไม่มีภาชนะรองจะทำให้แตกหักได้ง่าย อายุการใช้งานสั้นลง และก่อนนอนทุกครั้ง อย่าลืมถอดฟันเทียมออกมาแช่น้ำ เพื่อให้เนื้อเยื่อในช่องปากได้พักจากการกดทับบ้าง โดยต้องนำฟันเทียมแช่น้ำสะอาดทุกครั้ง ห้ามวางทิ้งไว้เฉย ๆ เด็ดขาด เพราะจะทำให้ฟันเทียมแห้งและหดตัว และไม่ควรใช้น้ำร้อนในการแช่ เพราะจะทำให้ฟันเทียมเกิดการบิดเบี้ยวจนใช้งานไม่ได้ ที่สำคัญ นอกจากทำความสะอาดฟันเทียมแล้ว อย่าลืมทำความสะอาดฟันแท้และช่องปากด้วย เพื่อยืดอายุการใช้งานทั้งฟันแท้และฟันเทียมไปพร้อม ๆ กัน
***
สำนักสื่อสารและตอบโต้ความเสี่ยง/ 28 พฤษภาคม 2558
กระทรวงสาธารณสุข ร่วมกับหน่วยทันตกรรมพระราชทานในพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว คณะทันตแพทยศาสตร์ มหาวิทยาลัยสงขลานครินทร์ สำนักงานสาธารณสุขจังหวัดนครศรีธรรมราช และเครือข่ายที่เกี่ยวข้อง จัดโครงการ คืนความสุข คืนรอยยิ้ม ผู้สูงวัย ในโครงการฟันเทียมพระราชทานและส่งเสริมสุขภาพช่องปากผู้สูงอายุ เฉลิมพระเกียรติพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว มอบฟันเทียมให้ผู้สูงอายุในจังหวัดนครศรีธรรมราชเพิ่มอีก 120 คน เพิ่มโอกาสการเข้าถึงบริการส่งเสริมสุขภาพช่องปากผู้สูงวัย หลังพบจำนวนกว่า 23,000 ราย ต้องใส่ฟันเทียม วันนี้ (28 พฤษภาคม 2558) นายแพทย์วีระพันธ์ สุพรรณไชยมาตย์ ผู้ช่วยรัฐมนตรีประจำกระทรวงสาธารณสุข เปิดเผยภายหลังเป็นประธานในพิธีมอบฟันเทียมพระราชทานโครงการ คืนความสุข คืนรอยยิ้ม ผู้สูงวัย จังหวัดนครศรีธรรมราช ในโครงการฟันเทียมพระราชทานและส่งเสริมสุขภาพช่องปากผู้สูงอายุ เฉลิมพระเกียรติพระบาทสมเด็จ พระเจ้าอยู่หัว ณ ห้องประชุมยกเต้งอุทิศ โรงพยาบาลท่าศาลา จังหวัดนครศรีธรรมราช ว่า กระทรวงสาธารณสุขร่วมกับวิชาชีพทันตกรรมและทุกภาคส่วนที่เกี่ยวข้อง ได้สนองกระแสพระราชดำรัสพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ความว่า เวลา ไม่มีฟัน กินอะไรก็ไม่อร่อย ทำให้ไม่มีความสุข จิตใจก็ไม่สบาย ร่างกายก็ไม่แข็งแรง ในโครงการฟันเทียมพระราชทานและการส่งเสริมสุขภาพช่องปากผู้สูงอายุ เฉลิมพระเกียรติพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว โดยกรมอนามัยเป็นหน่วยประสาน การดำเนินงานนับตั้งแต่ปี 2548 เป็นต้นมา ส่งผลให้ปัจจุบันมีผู้สูงอายุที่สูญเสียฟันทั้งปากทั่วประเทศได้รับบริการใส่ฟันเทียมพระราชทานเพื่อการเคี้ยวอาหารแล้วกว่า 390,000 คน และจากการติดตามประเมินผลหลังการจัดบริการในปี 2550 พบว่า โครงการเป็นที่ยอมรับของสังคม ร้อยละ 97 ของผู้สูงอายุที่ได้รับบริการมีความพึงพอใจ ส่งผลต่อสุขภาพและคุณภาพชีวิตผู้สูงอายุอย่างชัดเจนทั้งด้านกายภาพ อารมณ์ สังคม ซึ่งเป็นประเทศเดียวที่ให้สิทธิ์ประชาชนได้ใส่ฟันเทียม โดยไม่มีค่าใช้จ่าย โดยเฉพาะการใส่ฟันเทียมทั้งปากให้กับผู้สูงอายุที่มีต้นทุนประมาณ 6,000 บาทต่อคน นับเป็นพระมหากรุณาธิคุณของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ที่ทรงคำนึงถึงความสุขของราษฎรที่ต้องมีฟันใช้เคี้ยวอาหาร และในปี 2558 รัฐบาล โดยกระทรวงสาธารณสุขได้ประกาศให้โครงการฟันเทียมพระราชทานเป็นของขวัญปีใหม่แก่ผู้สูงอายุไทย นอกเหนือจาก รากฟันเทียมและหมอประจำครอบครัว โดยเพิ่มการเข้าถึงบริการจาก 35,000 ราย เป็น 40,000 ราย ทั้งนี้ จังหวัดนครศรีธรรมราชเป็นจังหวัดที่มีจำนวนประชากรผู้สูงอายุสูงที่สุดในภาคใต้ โดยมีความต้องการฟันเทียมพระราชทานประมาณ 23,500 ราย ในขณะที่การจัดบริการในระบบบริการปกติจัดบริการได้ 3,636 ราย เฉลี่ยปีละ 1,200 ราย ดังนั้น เพื่อเป็นการเพิ่มโอกาสการเข้าถึงบริการใส่ฟันเทียมพระราชทานแก่ผู้สูงวัยตามนโยบายของขวัญปีใหม่ กระทรวงสาธารณสุขโดยกรมอนามัยจึงร่วมกับหน่วยทันตกรรมพระราชทานในพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว คณะทันตแพทยศาสตร์ มหาวิทยาลัยสงขลานครินทร์ สำนักงานสาธารณสุขจังหวัดนครศรีธรรมราช และเครือข่ายที่เกี่ยวข้อง จัดโครงการ คืนความสุข คืนรอยยิ้ม ผู้สูงวัย จังหวัดนครศรีธรรมราช เพื่อเผยแพร่พระมหากรุณาธิคุณและสนองกระแสพระราชดำรัสของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว โดยจัดกิจกรรมตั้งแต่วันที่ 25 - 29 พฤษภาคม 2558 และมีผู้สูงอายุได้รับ ฟันเทียมพระราชทานในครั้งนี้ 120 คน ซึ่งได้รับการสนับสนุนงบประมาณจากกรมอนามัย กองทุนฟันเทียมพระราชทาน หน่วยทันตกรรมพระราชทานในพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว และบริษัท ปาร์คนายเลิศ จำกัด นอกจากนี้ภายในงานยังได้มอบโล่ประกาศเกียรติคุณแก่หน่วยงานที่สนับสนุนการดำเนินงาน มอบเกียรติบัตรแก่อาสาสมัครที่มาร่วมปฏิบัติงาน และมอบของที่ระลึกแก่ผู้สูงวัยฟันดี 90 ปี ที่ชนะเลิศการประกวดระดับประเทศด้วยผู้ช่วยรัฐมนตรีประจำกระทรวงสาธารณสุข กล่าว ทางด้าน ทันตแพทย์สุธา เจียรมณีโชติชัย รองอธิบดีกรมอนามัย กล่าวว่า ผลการสำรวจสภาวะทันตสาธารณสุข ครั้งที่ 7 ในปี 2555 พบว่า ผู้สูงอายุมีการสูญเสียฟันทั้งปากร้อยละ 7.2 ยังคงต้องการใส่ฟันเทียมทั้งปากร้อยละ 2.5 หรือประมาณ 236,000 คน และพบว่าภาคใต้มีการสูญเสียฟันทั้งปากและความต้องการบริการใส่ฟันเทียมทั้งปากสูงสุด ร้อยละ 11.2 และ 8.8 ตามลำดับ ขณะที่ภาคอื่น ๆ ความต้องการบริการใส่ฟันเทียมทั้งปากเป็นร้อยละ 2.0 - 4.6 ทั้งนี้ เป็นผลจากการขาดการดูแลอนามัยช่องปากให้สะอาด ทำให้ฟันผุ เหงือกอักเสบ ฟันโยก และต้องสูญเสียฟันธรรมชาติไปในที่สุด ฟันเทียมพระราชทานจะช่วยให้กลับมาเคี้ยวอาหาร และคืนรอยยิ้มอีกครั้ง ซึ่งผู้ที่ใส่ฟันเทียมต้องใส่ใจทำความสะอาดฟันเทียมทุกซอก ทุกมุม ไม่ว่าจะเป็นบริเวณตะขอและฐานฟันเทียม และก่อนทำความสะอาดฟันเทียมควรหาภาชนะรอง เช่น ขันน้ำ เพราะขณะที่แปรงอยู่นั้น ฟันเทียมอาจหลุดตกจากมือ หากไม่มีภาชนะรองจะทำให้แตกหักได้ง่าย อายุการใช้งานสั้นลง และก่อนนอนทุกครั้ง อย่าลืมถอดฟันเทียมออกมาแช่น้ำ เพื่อให้เนื้อเยื่อในช่องปากได้พักจากการกดทับบ้าง โดยต้องนำฟันเทียมแช่น้ำสะอาดทุกครั้ง ห้ามวางทิ้งไว้เฉย ๆ เด็ดขาด เพราะจะทำให้ฟันเทียมแห้งและหดตัว และไม่ควรใช้น้ำร้อนในการแช่ เพราะจะทำให้ฟันเทียมเกิดการบิดเบี้ยวจนใช้งานไม่ได้ ที่สำคัญ นอกจากทำความสะอาดฟันเทียมแล้ว อย่าลืมทำความสะอาดฟันแท้และช่องปากด้วย เพื่อยืดอายุการใช้งานทั้งฟันแท้และฟันเทียมไปพร้อม ๆ กัน ***สำนักสื่อสารและตอบโต้ความเสี่ยง/ 28 พฤษภาคม 2558

กรมอนามัย
เรามีสาระสุขภาพดีๆ
ส่งตรงถึงคุณ
ทุกวัน

ติดตามข่าวสารได้ที่

แทงบอลออนไลน์ || ดูบอลสด UFABET