คุณกำลังมองหาอะไร?

ร่งเพิ่มความรู้หญิงตั้งครรภ์จากผลการสำรวจพบว่าหญิงตั้งครรภ์มีความรู้เรื่องการเลี้ยงลูกด้วยนมแม่เพียงร้อยละ 5 เท่านั้น

กรมอนามัย พร้อมให้ข้อมูลข่าวสารที่มีประโยชน์สำหรับคุณ

18.08.2551
1
0
แชร์
18
สิงหาคม
2551

เร่งเพิ่มความรู้หญิงตั้งครรภ์จากผลการสำรวจพบว่าหญิงตั้งครรภ์มีความรู้เรื่องการเลี้ยงลูกด้วยนมแม่เพียงร้อยละ 5 เท่านั้น

ศูนย์อนามัยที่ ๕ นครราชสีมา เผยวงการแพทย์ทั่วโลกยอมรับและส่งเสริมการเลี้ยงลูกด้วยนมแม่อย่างเดียว 6 เดือนแรก เร่งเพิ่มความรู้หญิงตั้งครรภ์จากผลการสำรวจพบว่าหญิงตั้งครรภ์มีความรู้เรื่องการเลี้ยงลูกด้วยนมแม่เพียงร้อยละ 5 เท่านั้น
 
นายแพทย์สุเทพ เพชรมาก ผู้อำนวยการศูนย์อนามัยที่ ๕ เปิดเผยว่า จากผลสำรวจการเลี้ยงลูกด้วยนมแม่ของไทยล่าสุดใน
พ.ศ.๒๕๔๙ พบว่ามีเด็กแรกเกิดจนถึง ๓ เดือน ประมาณร้อยละ ๘ เท่านั้น ที่กินนมแม่อย่างเดียว และมีเด็กแรกเกิดจนถึงอายุ
๕ เดือนกินนมแม่อย่างเดียวเพียงร้อยละ ๕ เท่านั้น จึงต้องเร่งเพิ่มข้อมูลความรู้ให้ประชาชน โดยเฉพาะหญิงตั้งครรภ์และคลอดบุตรซึ่งมีปีละประมาณ ๘๐๐,๐๐๐ คน ได้มีความเข้าใจถึงประโยชน์การเลี้ยงลูกด้วยนมแม่ให้มากขึ้น ซึ่งวงการแพทย์ทั่วโลกยอมรับและส่งเสริมให้ทารกได้กินนมแม่ตั้งแต่ชั่วโมงแรกหลังคลอด เพราะมีผลดีทำให้เด็กดูดนมแม่อย่างถูกต้องสูงถึงร้อยละ ๖๐
ศูนย์อนามัยที่ ๕ นครราชสีมา ดำเนินงานพัฒนาอนามัยแม่และเด็ก ๑ ใน ๖ ยุทธศาสตร์ของกรมอนามัย ส่งเสริมการเลี้ยงลูกด้วยนมแม่อย่างเดียว ๖ เดือนหลังคลอด ซึ่งหมายความว่าให้ลูกกินนมแม่ล้วน ๆ เพียงอย่างเดียว ซึ่งหากเพิ่มอาหารประเภทอื่นเข้าไปขณะที่ขนาดกระเพาะของเด็กมีขนาดเล็ก จะเข้าไปแย่งพื้นที่ของนมแม่ จะทำให้ได้รับประโยชน์จากน้ำนมไม่เต็มที่ และเด็กยังมีโอกาสเจ็บป่วย เพราะได้รับเชื้อที่ปนเปื้อนมากับอาหาร รวมถึงโอกาสในการแพ้โปรตีนแปลกปลอมที่มากับอาหารหรือนมผสม จะทราบได้อย่างไรว่าเด็กที่กินนมแม่มีความเพียงพอหรือไม่ สามารถสังเกตได้จาก หลังจากลูกกินนมแม่แล้ว ดูมีความสุข หลับได้ ขับถ่ายปกติ เติบโตได้ดี ก็แสดงว่าได้รับน้ำนมเพียงพอ

จากการศึกษาในระยะ 4 ? 5 ปีที่ผ่านมาพบว่า เด็กที่กินนมแม่อย่างต่อเนื่อง จะมีระดับพัฒนาการและเชาว์ปัญญาดี กว่าเด็กที่กินนมผสม ซึ่งผลจากการศึกษาติดตามเด็ก 3,000 คน ในประเทศเดนมาร์ค พบว่า เด็กที่กินนมแม่มานาน 9 เดือน จะมีเชาว์ปัญญาเฉลี่ยอยู่ที่ 104 สูงกว่ากลุ่มที่กินนมแม่น้อยกว่า 1 เดือน ซึ่งมีระดับเชาว์ปัญญาอยู่ที่ 99.4 จากระดับเชาว์ปัญญาของคนปกติอยู่ที่ 90 ? 110 สรุปได้ว่า ระดับเชาว์ปัญญาที่ดีย่อมหมายถึงต้นทุนทางสมองที่ดี และต้นทุนทางสมองที่ดีกว่า เป็นพื้นฐานที่แข็งแรง ซึ่งทุนสมองของเด็กแต่ละคนจะมีมาก-น้อย ขึ้นอยู่กับระยะเวลาที่เด็กได้รับนมแม่ นอกจากการพัฒนาด้านเชาว์ปัญญาแล้ว เด็กที่กินนมแม่อย่างเดียว 6 เดือน ยังมีสุขภาพร่างกายที่แข็งแรง ลดโอกาสการเกิดโรคประมาณ 2-7 เท่า ของเด็กที่กินนมผสม อาทิเช่น โรคท้องเสีย-ปอดบวม หูชั้นกลางอักเสบ โรคเยื่อหุ้มสมองอักเสบ โรคทางเดินปัสสาวะอักเสบ โรคภูมิแพ้ โรคเบาหวาน
อีกทั้งราคาต้นทุนของนมแม่ยังประหยัดกว่านมผสมถึง 20 เท่าอีกด้วย..

นส.ปวีณา กาญจนขจรศักดิ์ ข่าว
นางสินีนาฎ สิงหวิบูลย์ บรรณาธิการข่าว
วันที่ ๘ สิงหาคม ๒๕๕๑


โดย : ปวีณา กาญจนขจรศักดิ์ | pr_anamai5@anamai.moph.go.th|8/08/08 - 11:07 |

กรมอนามัย
เรามีสาระสุขภาพดีๆ
ส่งตรงถึงคุณ
ทุกวัน