คุณกำลังมองหาอะไร?

ศู

ศูนย์อนามัยที่ 5 นครราชสีมา ร่วมกับเดอะมอลล์ นครราชสีมาเปิดบ้าน..อุ่นไอรักที่พักใจแม่ลูก

กรมอนามัย พร้อมให้ข้อมูลข่าวสารที่มีประโยชน์สำหรับคุณ

19.03.2553
58
0
แชร์
19
มีนาคม
2553

ศูนย์อนามัยที่ 5 นครราชสีมา ร่วมกับเดอะมอลล์ นครราชสีมาเปิดบ้าน..อุ่นไอรักที่พักใจแม่ลูก

ศูนย์อนามัยที่ 5 นครราชสีมา ร่วมกับเดอะมอลล์ นครราชสีมาเปิดบ้าน..อุ่นไอรักที่พักใจแม่ลูก
 
          ศูนย์อนามัยที่ 5 นครราชสีมา ร่วมกับห้างสรรพสินค้าเดอะมอลล์ นครราชสีมา จัดกิจกรรม เปิดบ้าน.อุ่นไอรัก...ที่พักใจแม่ลูก (คลินิกนมแม่) เพื่อสร้างกระแสความสนใจในเรื่องการเลี้ยงลูกด้วยนมแม่ แลกเปลี่ยนเรียนรู้เกี่ยวกับความสำเร็จในการเลี้ยงลูกด้วยนมแม่ สร้างเครือข่ายการเลี้ยงลูกด้วยนมแม่ของคนวัยทำงาน ในสถานประกอบการ และประชาสัมพันธ์ ศูนย์นมแม่ของศูนย์อนามัยที่ 5 นครราชสีมา สาขาเดอะมอลล์นครราชสีมา
          (14.00 น.) วันที่ 10 มีนาคม 2553 นายแพทย์สมศักดิ์ ภัทรกุลวณิชย์ รองอธิบดีกรมอนามัย กระทรวงสาธารณสุข ให้เกียรติเป็นประธานเปิด กิจกรรม เปิดบ้าน..อุ่นไอรักที่พักใจแม่ลูก (คลินิกนมแม่)? โดยมีนายแพทย์สุเทพ เพชรมาก ผู้อำนวยการศูนย์อนามัยที่ 5 นครราชสีมา และ นายเขมวุฒิ สุพรพิบูล ผู้จัดการฝ่ายบุคคล บริษัท เดอะมอลล์ราชสีมา จำกัด ให้การต้อนรับ บริเวณ วาไร้ตี้ฮอลล์ ชั้น 3 ห้างสรรพสินค้าเดอะมอลล์นครราชสีมา ซึ่งภายในงาน จัดการประกวดนิทรรศการสายใยรักแห่งครอบครัว ชมการแสดงที่น่ารักสดใสของนักเรียนชั้นอนุบาล การแสดงแฟชั่นโชว์ สุดยอดว่าที่คุณแม่คนเก่ง? การแสดงไวโอลิน น้องการ์ตูน(ด.ญ.ปิยะกมล ใหม่จันทร์) และเสวนา การเลี้ยงลูกอย่างไรให้ฉลาด แข็งแรง และอารมณ์ดี โดย รศ. กรรณิการ์ วิจิตรสุคนธ์ ผู้เชี่ยวชาญจากศูนย์นมแม่แห่งประเทศไทย คุณศศิธร วัฒนกุล(คุณลอร่า) คุณแม่ดาราที่เลี้ยงลูกด้วยนมแม่ และคุณปรีชา ลิ้มอั่ว ผู้จัดการทั่วไป บริษัท เดอะมอลล์ราชสีมา จำกัด
          นายแพทย์สมศักดิ์ ภัทรกุลวณิชย์ รองอธิบดีกรมอนามัย เปิดเผยว่า ปัจจุบันประเทศไทยมีเด็กเกิด ปีละ 800,000 คน หาก เลี้ยงลูกด้วยนมแม่ได้ครบ 6 เดือน จะช่วยประหยัดเงินซื้อนมผงเดือนละ 3,000 บาท หรือปีละ 14,400 ล้านบาท เรื่องนี้เป็นเรื่องใกล้ตัวมากและ เหมาะกับสภาวะเศรษฐกิจโลกและไทยที่กำลังประสบวิกฤติถดถอยได้อย่างดี และเด็กจะฉลาด มีภูมิคุ้มกันโรค จากสถานการณ์การเลี้ยงลูกด้วยนมแม่ ในเขตพื้นที่ เขตการสาธารสุขที่ 14 (นครราชสีมา ชัยภูมิ บุรีรัมย์ สุรินทร์) พบว่า อัตราการเลี้ยงลูก ด้วยนมแม่ อย่างเดียวอย่างน้อย 6 เดือน มีร้อยละ 67 น้ำนมแม่มีสารอาหารมากกว่า 200 ชนิด มีไขมัน ที่ช่วยในการพัฒนาเซลล์สมอง ซึ่งมีประมาณ 1 แสนล้านตัว ให้ทำงานประสานเชื่อมโยงกัน จัดเป็นอาหาร ที่ดีที่สุดของทารก ไม่สามารถเลียนแบบได้ โดยเฉพาะน้ำนมที่ออกมาครั้งแรกจะมีลักษณะเหลืองใส เป็นนมหยดแรกที่มีคุณค่ามากที่สุด มีโปรตีนมากกว่าน้ำนมปกติถึง 3 เท่า และมีภูมิคุ้มกันโรค เป็นวัคซีนสำเร็จรูปที่ได้จากแม่ ลดการป่วยจากท้องเสีย ปอดบวม เยื่อหุ้มสมองอักเสบ ทางเดินปัสสาวะอักเสบโรคภูมิแพ้ โรคเบาหวาน ดีกว่าเด็กที่กินนมผสม 2-7 เท่าตัว มีผลงานวิจัยยืนยันว่าเด็กที่กินนมแม่อย่างเดียว 6 เดือน โดยไม่ให้น้ำและอาหารอื่น จะมีค่าเฉลี่ยระดับเชาว์ปัญญาหรือไอคิว (IQ) มากกว่าเด็กที่ไม่ได้ กินนมแม่อย่างเดียว 2-11 จุด เด็กไม่ป่วยบ่อย ไม่เสียเวลาเจริญเติบโต เพราะการเจ็บป่วยแต่ละครั้งจะทำให้การเจริญเติบโตของเด็กหยุดชะงัก
          รองอธิบดีกรมอนามัย กล่าวเพิ่มเติมอีกว่า ตอนนี้คนไทยยังไม่เข้าใจการเลี้ยงลูกด้วยนมแม่ล้วน ๆ ในช่วง 4-6 เดือน หลายคนยังเข้าใจว่าช่วงนี้ต้องให้น้ำร่วมด้วย มิฉะนั้นลิ้นเด็กจะเป็นฝ้า ซึ่งเป็นความเข้าใจ ที่ผิด เพราะนมแม่มีสารอาหารทุกอย่าง ไม่จำเป็นต้องให้เด็กดื่มน้ำเพราะจะทำให้เด็กดื่มนมได้น้อย นอกจากนี้การดื่มนมแม่ยังทำให้ไม่เสี่ยงต่อมะเร็งปากมดลูก มะเร็งเต้านม และคุณแม่ไม่ต้องทานยาคุมกำเนิดเพราะระหว่างการให้นมบุตรไข่จะไม่ตก ไม่มีประจำเดือน ส่วนเด็กจะแข็งแรง ลดอัตราการติดเชื้อทางเดินอาหาร ทางเดินหายใจ ภูมิแพ้ลงได้ 4-5 เท่า
          ในปีนี้ กระทรวงสาธารณสุข ได้กำหนดบทบาท อาสาสมัครสาธารณสุข 4 ประการ คือ 1. สำรวจหญิงตั้งครรภ์ และเยี่ยมหญิงหลังคลอดที่บ้าน เพื่อช่วยเหลือการเลี้ยงลูกด้วยนมแม่ 2. เผยแพร่ความรู้ ชักชวนให้แม่หลังคลอดเลี้ยงลูกด้วยนมแม่อย่างเดียวครบ 6 เดือน และกินนมแม่พร้อมอาหารตามวัยจน อายุครบ 2 ปี 3. เฝ้าระวังและปกป้องให้แม่เลี้ยงลูกด้วยนมแม่ และ4. ส่งต่อแม่หลังคลอดที่มีปัญหาเรื่องการเลี้ยงลูกด้วยนมแม่ให้เจ้าหน้าที่สาธารณสุขช่วยแก้ไข
          รองอธิบดีกรมอนามัย ฝากถึงประชาชนทุกคน ได้ร่วมกันหันมารณรงค์เลี้ยงลูกด้วยนมแม่ พร้อมทั้งเปิดโอกาสให้หญิงไทยทุกคนสามารถเลี้ยงลูกด้วยนมแม่อย่างเดียวอย่างน้อย 6 เดือน เพื่อให้เด็กไทยฉลาด แข็งแรง และอารมณ์ดี เป็นกำลังสำคัญของประเทศต่อไป
 
 
งานสื่อสารองค์กร ศูนย์อนามัยที่ 5 นคราชสีมา
10 มีนาคม 2553
ศูนย์อนามัยที่ 5 นครราชสีมา ร่วมกับเดอะมอลล์ นครราชสีมาเปิดบ้าน..อุ่นไอรักที่พักใจแม่ลูก ศูนย์อนามัยที่ 5 นครราชสีมา ร่วมกับห้างสรรพสินค้าเดอะมอลล์ นครราชสีมา จัดกิจกรรม เปิดบ้าน.อุ่นไอรัก...ที่พักใจแม่ลูก (คลินิกนมแม่) เพื่อสร้างกระแสความสนใจในเรื่องการเลี้ยงลูกด้วยนมแม่ แลกเปลี่ยนเรียนรู้เกี่ยวกับความสำเร็จในการเลี้ยงลูกด้วยนมแม่ สร้างเครือข่ายการเลี้ยงลูกด้วยนมแม่ของคนวัยทำงาน ในสถานประกอบการ และประชาสัมพันธ์ ศูนย์นมแม่ของศูนย์อนามัยที่ 5 นครราชสีมา สาขาเดอะมอลล์นครราชสีมา (14.00 น.) วันที่ 10 มีนาคม 2553 นายแพทย์สมศักดิ์ ภัทรกุลวณิชย์ รองอธิบดีกรมอนามัย กระทรวงสาธารณสุข ให้เกียรติเป็นประธานเปิด กิจกรรม \\เปิดบ้าน..อุ่นไอรักที่พักใจแม่ลูก (คลินิกนมแม่) โดยมีนายแพทย์สุเทพ เพชรมาก ผู้อำนวยการศูนย์อนามัยที่ 5 นครราชสีมา และ นายเขมวุฒิ สุพรพิบูล ผู้จัดการฝ่ายบุคคล บริษัท เดอะมอลล์ราชสีมา จำกัด ให้การต้อนรับ บริเวณ วาไร้ตี้ฮอลล์ ชั้น 3 ห้างสรรพสินค้าเดอะมอลล์นครราชสีมา ซึ่งภายในงาน จัดการประกวดนิทรรศการสายใยรักแห่งครอบครัว ชมการแสดงที่น่ารักสดใสของนักเรียนชั้นอนุบาล การแสดงแฟชั่นโชว์ \\สุดยอดว่าที่คุณแม่คนเก่ง การแสดงไวโอลิน น้องการ์ตูน(ด.ญ.ปิยะกมล ใหม่จันทร์) และเสวนา \\การเลี้ยงลูกอย่างไรให้ฉลาด แข็งแรง และอารมณ์ดี โดย รศ. กรรณิการ์ วิจิตรสุคนธ์ ผู้เชี่ยวชาญจากศูนย์นมแม่แห่งประเทศไทย คุณศศิธร วัฒนกุล(คุณลอร่า) คุณแม่ดาราที่เลี้ยงลูกด้วยนมแม่ และคุณปรีชา ลิ้มอั่ว ผู้จัดการทั่วไป บริษัท เดอะมอลล์ราชสีมา จำกัด นายแพทย์สมศักดิ์ ภัทรกุลวณิชย์ รองอธิบดีกรมอนามัย เปิดเผยว่า ปัจจุบันประเทศไทยมีเด็กเกิด ปีละ 800,000 คน หาก เลี้ยงลูกด้วยนมแม่ได้ครบ 6 เดือน จะช่วยประหยัดเงินซื้อนมผงเดือนละ 3,000 บาท หรือปีละ 14,400 ล้านบาท เรื่องนี้เป็นเรื่องใกล้ตัวมากและ เหมาะกับสภาวะเศรษฐกิจโลกและไทยที่กำลังประสบวิกฤติถดถอยได้อย่างดี และเด็กจะฉลาด มีภูมิคุ้มกันโรค จากสถานการณ์การเลี้ยงลูกด้วยนมแม่ ในเขตพื้นที่ เขตการสาธารสุขที่ 14 (นครราชสีมา ชัยภูมิ บุรีรัมย์ สุรินทร์) พบว่า อัตราการเลี้ยงลูก ด้วยนมแม่ อย่างเดียวอย่างน้อย 6 เดือน มีร้อยละ 67 น้ำนมแม่มีสารอาหารมากกว่า 200 ชนิด มีไขมัน ที่ช่วยในการพัฒนาเซลล์สมอง ซึ่งมีประมาณ 1 แสนล้านตัว ให้ทำงานประสานเชื่อมโยงกัน จัดเป็นอาหาร ที่ดีที่สุดของทารก ไม่สามารถเลียนแบบได้ โดยเฉพาะน้ำนมที่ออกมาครั้งแรกจะมีลักษณะเหลืองใส เป็นนมหยดแรกที่มีคุณค่ามากที่สุด มีโปรตีนมากกว่าน้ำนมปกติถึง 3 เท่า และมีภูมิคุ้มกันโรค เป็นวัคซีนสำเร็จรูปที่ได้จากแม่ ลดการป่วยจากท้องเสีย ปอดบวม เยื่อหุ้มสมองอักเสบ ทางเดินปัสสาวะอักเสบโรคภูมิแพ้ โรคเบาหวาน ดีกว่าเด็กที่กินนมผสม 2-7 เท่าตัว มีผลงานวิจัยยืนยันว่าเด็กที่กินนมแม่อย่างเดียว 6 เดือน โดยไม่ให้น้ำและอาหารอื่น จะมีค่าเฉลี่ยระดับเชาว์ปัญญาหรือไอคิว (IQ) มากกว่าเด็กที่ไม่ได้ กินนมแม่อย่างเดียว 2-11 จุด เด็กไม่ป่วยบ่อย ไม่เสียเวลาเจริญเติบโต เพราะการเจ็บป่วยแต่ละครั้งจะทำให้การเจริญเติบโตของเด็กหยุดชะงัก รองอธิบดีกรมอนามัย กล่าวเพิ่มเติมอีกว่า ตอนนี้คนไทยยังไม่เข้าใจการเลี้ยงลูกด้วยนมแม่ล้วน ๆ ในช่วง 4-6 เดือน หลายคนยังเข้าใจว่าช่วงนี้ต้องให้น้ำร่วมด้วย มิฉะนั้นลิ้นเด็กจะเป็นฝ้า ซึ่งเป็นความเข้าใจ ที่ผิด เพราะนมแม่มีสารอาหารทุกอย่าง ไม่จำเป็นต้องให้เด็กดื่มน้ำเพราะจะทำให้เด็กดื่มนมได้น้อย นอกจากนี้การดื่มนมแม่ยังทำให้ไม่เสี่ยงต่อมะเร็งปากมดลูก มะเร็งเต้านม และคุณแม่ไม่ต้องทานยาคุมกำเนิดเพราะระหว่างการให้นมบุตรไข่จะไม่ตก ไม่มีประจำเดือน ส่วนเด็กจะแข็งแรง ลดอัตราการติดเชื้อทางเดินอาหาร ทางเดินหายใจ ภูมิแพ้ลงได้ 4-5 เท่า ในปีนี้ กระทรวงสาธารณสุข ได้กำหนดบทบาท อาสาสมัครสาธารณสุข 4 ประการ คือ 1. สำรวจหญิงตั้งครรภ์ และเยี่ยมหญิงหลังคลอดที่บ้าน เพื่อช่วยเหลือการเลี้ยงลูกด้วยนมแม่ 2. เผยแพร่ความรู้ ชักชวนให้แม่หลังคลอดเลี้ยงลูกด้วยนมแม่อย่างเดียวครบ 6 เดือน และกินนมแม่พร้อมอาหารตามวัยจน อายุครบ 2 ปี 3. เฝ้าระวังและปกป้องให้แม่เลี้ยงลูกด้วยนมแม่ และ4. ส่งต่อแม่หลังคลอดที่มีปัญหาเรื่องการเลี้ยงลูกด้วยนมแม่ให้เจ้าหน้าที่สาธารณสุขช่วยแก้ไข รองอธิบดีกรมอนามัย ฝากถึงประชาชนทุกคน ได้ร่วมกันหันมารณรงค์เลี้ยงลูกด้วยนมแม่ พร้อมทั้งเปิดโอกาสให้หญิงไทยทุกคนสามารถเลี้ยงลูกด้วยนมแม่อย่างเดียวอย่างน้อย 6 เดือน เพื่อให้เด็กไทยฉลาด แข็งแรง และอารมณ์ดี เป็นกำลังสำคัญของประเทศต่อไป งานสื่อสารองค์กร ศูนย์อนามัยที่ 5 นคราชสีมา 10 มีนาคม 2553

กรมอนามัย
เรามีสาระสุขภาพดีๆ
ส่งตรงถึงคุณ
ทุกวัน

ติดตามข่าวสารได้ที่

betflix

betflix129