คุณกำลังมองหาอะไร?

รมอนามัยเผยช่องปากผู้สูงอายุยังวิกฤติ ร้อยละ 84 พบโรคปริทันต์ เสี่ยงต่อการสูญเสียฟันทั้งปาก

กรมอนามัย พร้อมให้ข้อมูลข่าวสารที่มีประโยชน์สำหรับคุณ

05.03.2553
7
0
แชร์
05
มีนาคม
2553

กรมอนามัยเผยช่องปากผู้สูงอายุยังวิกฤติ ร้อยละ 84 พบโรคปริทันต์ เสี่ยงต่อการสูญเสียฟันทั้งปาก

กรมอนามัยเผยช่องปากผู้สูงอายุยังวิกฤติ ร้อยละ 84 พบโรคปริทันต์
เสี่ยงต่อการสูญเสียฟันทั้งปาก
 
          กรมอนามัย กระทรวงสาธารณสุข ร่วมกับพื้นที่ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ จัดโครงการส่งเสริมสุขภาพช่องปากผู้สูงอายุ ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ ณ โรงแรมวีวัน จังหวัดนครราชสีมา ระหว่างวันที่ 17-18 กุมภาพันธ์ 2553 โดยมีดร.นพ.สมยศ ดีรัศมี เป็นประธาน
          ภายในงาน ดร.นพ.สมยศ ดีรัศมี อธิบดีกรมอนามัย กล่าวภายหลังเป็นประธานเปิดการประชุมการส่งเสริมสุขภาพช่องปากผู้สูงอายุ ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ ว่า จากจำนวนประชากรผู้สูงอายุประมาณ 7.5 ล้านคน คิดเป็นร้อยละ 11.8 ในปัจจุบัน คาดว่าในปี 2563 หรืออีก 10 ปีข้างหน้า ประเทศไทยจะก้าวสู่การเป็นสังคมผู้สูงอายุ ซึ่งจะมีประชากรผู้สูงอายุประมาณ 11 ล้านคนหรือประมาณร้อยละ 15 ของประชากรทั้งหมด การเตรียมความพร้อมของการจัดบริการในด้านต่างๆสำหรับผู้สูงอายุจึงเป็นสิ่งจำเป็น โดยเฉพาะการส่งเสริมสุขภาพช่องปากผู้สูงอายุ กรมอนามัยได้ให้ความสำคัญเป็นพิเศษเพราะจากผลการสำรวจสภาวะทันตสุขภาพของประเทศไทยครั้งที่ 6 ปี 2550 พบว่าประชากรผู้สูงอายุไม่มีฟันในช่องปาก และมีปัญหาด้านการบดเคี้ยวอาหารสูง ต้องการฟันเทียมทั้งปากประมาณ 250,000 คน โดยดร.นพ.สมยศ ดีรัศมี กล่าวต่อไปว่า กรมอนามัยจึงได้จัดทำโครงการฟันเทียมพระราชทานและการส่งเสริมสุขภาพช่องปากผู้สูงอายุ เพื่อแก้ไขปัญหาดังกล่าวตั้งแต่ปี 2548 เป็นต้นมา ซึ่งได้รับความร่วมมือจากทันตแพทย์ทั่วประเทศจัดการบริการใส่ฟันเทียมให้ผู้สูงอายุ ส่งผลให้ขณะนี้มีผู้ได้รับบริการไปแล้วกว่า 160,000 คน โดยผู้สูงอายุภาคตะวันออกเฉียงเหนือได้รับฟันเทียมพระราชทานถึง 50,000 คน หรือเฉลี่ยปีละ 10,000 คนและผลการสำรวจในปี 2550 ยังพบว่ามีผู้สูงอายุเป็นโรคปริทันต์สูงถึงร้อยละ 84 และมีรากฟันผุร้อยละ 21 ทำให้แนวโน้มการสูญเสียฟันเพิ่มมากขึ้น ซึ่งการให้บริการใส่ฟันเทียมเพียงอย่างเดียวอาจจะไม่สามารถแก้ปัญหาการสูญเสียฟันของผู้สูงอายุได้ ผู้สูงอายุจำเป็นต้องได้รับการดูแลสุขภาพช่องปากตนเอง โดยกรมอนามัยส่งเสริมให้แหนนำชมรมผู้สูงอายุเป็นผู้จัดกิจกรรมในพื้นที่ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ และมีบุคลากรภาครัฐทั้งบุคลากรสาธารณสุข และองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นเป็นผู้สนับสนุน นายแพทย์สมยศ ดีรัศมี ยังกล่าวอีกว่า ขณะนี้พื้นที่ภาคตะวันออกเฉียงเหนือมีชมรมผู้สูงอายุต้นแบบด้านการจัดกิจกรรมส่งเสริมสุขภาพช่องปาก รวม 6 จังหวัด จาก 19 จังหวัด ได้แก่ จังหวัดชัยภูมิ บุรีรัมย์ ขอนแก่น อุบลราชธานี อำนาจเจริญ และศรีสะเกษ นอกจากนี้ ยังมีการพัฒนาระบบบริการป้องกันในพื้นที่ต้นแบบ 8 จังหวัด และการค้นหา 10 ยอดฟันดี วัย 80 ปี ที่เป็นแบบอย่างของผู้สูงอายุที่ดูแลสุขภาพช่องปากที่ดี
          กลุ่มเป้าหมาย ได้แก่ เครือข่ายชมรมผู้สูงอายุในภาคตะวันออกเฉียงเหนือ จำนวน 225 คน ประกอบด้วย ผู้รับผิดชอบงานผู้สูงอายุและงานทันตสาธารณสุข สสจ.จังหวัดละ 2 คน , ผู้รับผิดชอบงานผู้สูงอายุ / งานทันตสาธารณสุขจาก CUP หรือ PCU จังหวัดละ 2 คน , ตัวแทนชมรมผู้สูงอายุ จังหวัดละ 2 คน , ผู้รับผิดชอบงานผู้สูงอายุ องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นจังหวัดละ 1 คน , ชมรมผู้สูงอายุและเจ้าหน้าที่ที่ร่วมจัดนิทรรศการ 15 ชมรม ๆละ 4 คน , คณะทำงานและวิทยากร
กรมอนามัยเผยช่องปากผู้สูงอายุยังวิกฤติ ร้อยละ 84 พบโรคปริทันต์ เสี่ยงต่อการสูญเสียฟันทั้งปาก กรมอนามัย กระทรวงสาธารณสุข ร่วมกับพื้นที่ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ จัดโครงการส่งเสริมสุขภาพช่องปากผู้สูงอายุ ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ ณ โรงแรมวีวัน จังหวัดนครราชสีมา ระหว่างวันที่ 17-18 กุมภาพันธ์ 2553 โดยมีดร.นพ.สมยศ ดีรัศมี เป็นประธาน ภายในงาน ดร.นพ.สมยศ ดีรัศมี อธิบดีกรมอนามัย กล่าวภายหลังเป็นประธานเปิดการประชุมการส่งเสริมสุขภาพช่องปากผู้สูงอายุ ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ ว่า จากจำนวนประชากรผู้สูงอายุประมาณ 7.5 ล้านคน คิดเป็นร้อยละ 11.8 ในปัจจุบัน คาดว่าในปี 2563 หรืออีก 10 ปีข้างหน้า ประเทศไทยจะก้าวสู่การเป็นสังคมผู้สูงอายุ ซึ่งจะมีประชากรผู้สูงอายุประมาณ 11 ล้านคนหรือประมาณร้อยละ 15 ของประชากรทั้งหมด การเตรียมความพร้อมของการจัดบริการในด้านต่างๆสำหรับผู้สูงอายุจึงเป็นสิ่งจำเป็น โดยเฉพาะการส่งเสริมสุขภาพช่องปากผู้สูงอายุ กรมอนามัยได้ให้ความสำคัญเป็นพิเศษเพราะจากผลการสำรวจสภาวะทันตสุขภาพของประเทศไทยครั้งที่ 6 ปี 2550 พบว่าประชากรผู้สูงอายุไม่มีฟันในช่องปาก และมีปัญหาด้านการบดเคี้ยวอาหารสูง ต้องการฟันเทียมทั้งปากประมาณ 250,000 คน โดยดร.นพ.สมยศ ดีรัศมี กล่าวต่อไปว่า กรมอนามัยจึงได้จัดทำโครงการฟันเทียมพระราชทานและการส่งเสริมสุขภาพช่องปากผู้สูงอายุ เพื่อแก้ไขปัญหาดังกล่าวตั้งแต่ปี 2548 เป็นต้นมา ซึ่งได้รับความร่วมมือจากทันตแพทย์ทั่วประเทศจัดการบริการใส่ฟันเทียมให้ผู้สูงอายุ ส่งผลให้ขณะนี้มีผู้ได้รับบริการไปแล้วกว่า 160,000 คน โดยผู้สูงอายุภาคตะวันออกเฉียงเหนือได้รับฟันเทียมพระราชทานถึง 50,000 คน หรือเฉลี่ยปีละ 10,000 คนและผลการสำรวจในปี 2550 ยังพบว่ามีผู้สูงอายุเป็นโรคปริทันต์สูงถึงร้อยละ 84 และมีรากฟันผุร้อยละ 21 ทำให้แนวโน้มการสูญเสียฟันเพิ่มมากขึ้น ซึ่งการให้บริการใส่ฟันเทียมเพียงอย่างเดียวอาจจะไม่สามารถแก้ปัญหาการสูญเสียฟันของผู้สูงอายุได้ ผู้สูงอายุจำเป็นต้องได้รับการดูแลสุขภาพช่องปากตนเอง โดยกรมอนามัยส่งเสริมให้แหนนำชมรมผู้สูงอายุเป็นผู้จัดกิจกรรมในพื้นที่ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ และมีบุคลากรภาครัฐทั้งบุคลากรสาธารณสุข และองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นเป็นผู้สนับสนุน นายแพทย์สมยศ ดีรัศมี ยังกล่าวอีกว่า ขณะนี้พื้นที่ภาคตะวันออกเฉียงเหนือมีชมรมผู้สูงอายุต้นแบบด้านการจัดกิจกรรมส่งเสริมสุขภาพช่องปาก รวม 6 จังหวัด จาก 19 จังหวัด ได้แก่ จังหวัดชัยภูมิ บุรีรัมย์ ขอนแก่น อุบลราชธานี อำนาจเจริญ และศรีสะเกษ นอกจากนี้ ยังมีการพัฒนาระบบบริการป้องกันในพื้นที่ต้นแบบ 8 จังหวัด และการค้นหา 10 ยอดฟันดี วัย 80 ปี ที่เป็นแบบอย่างของผู้สูงอายุที่ดูแลสุขภาพช่องปากที่ดี กลุ่มเป้าหมาย ได้แก่ เครือข่ายชมรมผู้สูงอายุในภาคตะวันออกเฉียงเหนือ จำนวน 225 คน ประกอบด้วย ผู้รับผิดชอบงานผู้สูงอายุและงานทันตสาธารณสุข สสจ.จังหวัดละ 2 คน , ผู้รับผิดชอบงานผู้สูงอายุ / งานทันตสาธารณสุขจาก CUP หรือ PCU จังหวัดละ 2 คน , ตัวแทนชมรมผู้สูงอายุ จังหวัดละ 2 คน , ผู้รับผิดชอบงานผู้สูงอายุ องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นจังหวัดละ 1 คน , ชมรมผู้สูงอายุและเจ้าหน้าที่ที่ร่วมจัดนิทรรศการ 15 ชมรม ๆละ 4 คน , คณะทำงานและวิทยากร

กรมอนามัย
เรามีสาระสุขภาพดีๆ
ส่งตรงถึงคุณ
ทุกวัน

ติดตามข่าวสารได้ที่

แทงบอลออนไลน์ || UFABET || ดูบอลสด