อันตรายจากเมลามีน

อันตรายจากเมลามีน

เมลามีน คืออะไร เมลามีนคือสารชนิดหนึ่ง ซึ่งส่วนใหญ่จะนำมาผลิตเป็นพลาสติก สำหรับบรรจุอาหาร เช่นจาน ชาม กล่องใส่อาหาร ถุงพลาสติก เป็นต้น เนื่องจากเมลามีนสามารถทนความร้อนได้ถึง 121 องศาเซลเซียส ทนต่อแรงกระแทก และทนกรดอ่อน ๆ ได้ดี นอกจากนี้ยังนำไปทำน้ำยาดับเพลิง น้ำยาทำความสะอาด และปุ๋ย อีกด้วย

คุณสมบัติของเมลามีน เมลามีน มีลักษณะเป็นผงสีขาว ละลายน้ำได้น้อย เมลามีนที่มีคุณภาพดีจะนำไปทำเม็ดพลาสติกเรียก เม็ดเลซินเมลามีน เหมาะสำหรับผลิตเป็นภาชนะบรรจุอาหาร ส่วนเศษที่เหลือหรือเมลามีนที่มีคุณภาพเลวจะมีอนุพันธ์ของเมลามีนขึ้นหลายชนิด เรียกว่า เมลามีนอันนาล็อก ซึ่งจะมีราคาถูก และมีโปรตีนสูงถึง 224.36 %

อันตรายจากเมลามีนที่ผสมในอาหาร กลุ่มผู้ผลิตอาหาร เช่น จีน นิยมที่จะนำเมลามีนที่มีราคาถูกไปผสมในอาหารสัตว์ เช่นปลาป่น รำสกัด วุ้นเส้น และอาหารหลายประเภท เช่น นม ขนมต่าง ๆที่มีส่วนประกอบจาก นม แป้ง ในปริมาณที่มาก และเมื่อคนและสัตว์เลี้ยงกินเข้าไปจะก็ล้มป่วยและตายในที่สุด จากจุดนี้ทำให้หน่วยงานความปลอดภัยด้านอาหาร ประจำสหภาพยุโรป ได้มีการกำหนดค่าในการบริโภคเมลามีนต่อวันของมนุษย์และสัตว์ (toterable daily intake : TDI) ในระดับไม่เกิน 0.5 มิลลิกรัมต่อกิโลกรัมของน้ำหนักตัวต่อวัน

พิษจากเมลามีน เมื่อสูดดมเข้าไปจะทำให้เกิดการระคายเคืองต่อตาและผิวหนังอักเสบ เมื่อกินเข้าไประบบสืบพันธ์จะถูกทำลาย เกิดนิ่วในท่อปัสสาวะและไต เกิดมะเร็งที่ท่อ ปัสสาวะ

ไตวายเฉียบพลัน เกิดขึ้นได้กับทุกกลุ่มอายุ ขึ้นกับว่ามีส่วนผสมตามชนิดของอาหาร เช่นหากผสมในผลิตภัณฑ์นมก็จะมีผลต่อกลุ่มเด็ก โดยเฉพาะเด็กเล็ก

วิธีการเลือกซื้อผลิตภัณฑ์ เลือกซื้ออาหารที่มีฉลากรับรองคุณภาพจาก คณะกรรมการอาหารและยา ที่มีปริมาณเมลามีนในสัดส่วนที่กำหนดและได้มาตรฐาน สินค้าดังกล่าวต้องมีแหล่งผลิตที่ชัดเจน และหลีกเลี่ยงอาหารที่ไม่มีแหล่งผลิตไม่มี แหล่งกำเนิด และ สินค้าประเภทแป้ง นม ขนมต่าง ๆ ที่มีส่วนผสมของเมลามีน โดยเฉพาะที่ได้นำเข้ามาจากประเทศที่เกิดอุบัติการณ์และอันตรายจากเมลามีน สำหรับการตรวจสอบดังกล่าวแล้วประชาชนทั่วไปสามารถนำตัวอย่างสินค้าที่สงสัยส่งตรวจการปนเปื้อนเมลามีนได้ที่กรมวิทยาศาสตร์การแพทย์ และศูนย์วิทยาศาสตร์การแพทย์ทั่วประเทศ ดังนั้นวิธีการที่ดีที่สุดในการแก้ปัญหาคือการหลีกเลี่ยงอาหารและผลิตภัณฑ์ที่อาจถูกปนเปื้อนจากสารเมลามีน และหากมีอาการของโรคควรรีบปรึกษาแพทย์ จะทำให้แก้ปัญหาได้ทันท่วงที

*** กรมอนามัยส่งเสริมให้คนไทยสุขภาพดี***